เมื่อเทคโนโลยี AI ก้าวล้ำไปไกลกว่าที่เราคิดไว้มาก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้เชี่ยวชาญจะทำนายว่ามันจะมาแทนที่งาน 300 ล้านตำแหน่งในอนาคตอันใกล้นี้ และแน่นอนว่าความอัจฉริยะของ AI กำลังทำให้โลกตะลึงอีกครั้ง เพราะ ‘หุ่นยนต์อาจจะสามารถอุ้มท้องทารกได้’
สำนักข่าว Chosun Biz ของเกาหลีใต้รายงานว่า จีนกำลังพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีมดลูกเทียม ซึ่งจะรับสารอาหารผ่านสายยางในช่องท้อง และในไม่ช้านี้จะสามารถอุ้มท้องทารกได้ประมาณ 10 เดือนก่อนคลอด
‘หุ่นยนต์ตั้งครรภ์’ นี้คิดค้นโดย ดร.จาง ฉีเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัท ‘Kaiwa Technology’ ในเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน หุ่นยนต์ต้นแบบจะเปิดตัวในปีหน้า ถือเป็นก้าวสำคัญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์
สำหรับผู้ที่มีปัญหาในการตั้งครรภ์ การจ้างหุ่นยนต์มนุษย์มาอุ้มท้องทารกให้จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 หยวน (ราว 4.5 หมื่นบาท) ถูกกว่าการอุ้มบุญในสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 100,000-200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.2-6.5 ล้านบาท)
“เทคโนโลยีมดลูกเทียมอยู่ในระยะพัฒนาเต็มที่แล้ว และตอนนี้จำเป็นต้องฝังไว้ในช่องท้องของหุ่นยนต์ เพื่อให้คนจริงและหุ่นยนต์มีปฏิสัมพันธ์กันเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ และทำให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตภายใน”
— ดร.ฉีเฟิง กล่าวกับ Chosun Biz
ขณะนี้ยังมีคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ รวมถึงวิธีการปฏิสนธิไข่และสเปิร์ม ตลอดจนการใส่ไข่เข้าไปในมดลูก และวิธีที่หุ่นยนต์จะคลอดลูกออกมา เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีประเภทนี้มาพร้อมกับคำถาม และข้อกังวลมากมายเกี่ยวกับประเด็นทางจริยธรรมและกฎหมาย
“เราได้จัดเวทีเสวนากับหน่วยงานในมณฑลกวางตุ้ง และได้ยื่นข้อเสนอที่เกี่ยวข้องไปพร้อมกับการหารือนโยบายและกฎหมายแล้ว” ดร.ฉีเฟิง กล่าว เพื่อตอบคำถามถึงความกังวลของประชาชน
นอกเหนือจากราคาที่เอื้อมถึงแล้ว ระบบนี้ยังโฆษณาว่าจะช่วยบรรเทาภาระทางร่างกายและจิตใจที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ พร้อมมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและช่วยให้ความเครียดน้อยลง ความก้าวหน้าครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของการแพทย์ด้านการเจริญพันธุ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการนิยามความหมายของการตั้งครรภ์และเลี้ยงดูชีวิตใหม่อีกด้วย
Photo by : Shutterstock / Shutterstock.AI Generator