
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
Photo Story : รัฐบาลทรัมป์ชัตดาวน์ทุบสถิติ ‘ยาวนานที่สุด’ ในประวัติศาสตร์ประเทศเข้าสู่วันที่ 39
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงหยุดทำงานต่อไปเข้าสู่วันที่ 39 แล้ว นับเป็นการชัตดาวน์ที่ ‘ยาวนานที่สุด’ ในประวัติศาสตร์ประเทศ และยังไม่ชัดเจนว่าความขัดแย้งเรื่องงบประมาณระหว่างสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
สถิติดังกล่าวแซงหน้าการชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดครั้งก่อนที่ 35 วัน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2018 ถึงมกราคม 2019 ในยุครัฐบาลทรัมป์สมัยแรก
นั่นหมายความว่าบริการของรัฐบาลสหรัฐฯ หลายแห่งจะถูกระงับชั่วคราว แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และพนักงานรัฐบาลกลางราว 1.4 ล้านคนต้องอยู่ในสถานะ ‘ลาหยุด’ โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน หรือทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
อย่างไรก็ดี แม้ว่าความขัดแย้งเรื่องงบประมาณจะเกิดขึ้นเป็นประจำในแวดวงการเมืองของสหรัฐฯ แต่ครั้งนี้มีความตึงเครียดเป็นพิเศษ เนื่องจากทรัมป์ได้ออกคำสั่งลดขนาดรัฐบาลกลางลงทันทีที่กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง และขู่ว่าจะใช้ภาวะหยุดชะงักในครั้งนี้เป็นโอกาสในการตัดลดหน่วยงานเพิ่มเติมอีก
จนถึงขณะนี้ พรรคเดโมแครตก็ยังคง ‘ปฏิเสธ’ ที่จะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น เว้นแต่พรรครีพับลิกันจะตกลงขยายเงินอุดหนุนด้านการดูแลสุขภาพให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งพรรครีพับลิกันกล่าวหาพรรคเดโมแครตว่า ‘เอารัฐบาลเป็นตัวประกัน’ เพื่อผลักดันนโยบายอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง
คนอเมริกันกำลังรู้สึกถึงผลกระทบที่เลวร้ายลงทุกวัน พนักงานรัฐบาลกลางกว่า 1 ล้านคนต้องทำงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน และอีกประมาณ 600,000 คนยังถูกพักงานชั่วคราว
“ผลกระทบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ...คุณจะเห็นเที่ยวบินล่าช้า การยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก และเราอาจต้องปิดน่านฟ้าบางส่วน”
— ฌอน ดัฟฟี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เตือนถึงความวุ่นวายครั้งใหญ่ในภาคการบิน โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศราว 13,000 คนที่ยังทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง พร้อมเรียกร้องให้พรรคเดโมแครตดำเนินการอย่างรวดเร็ว
การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศทำให้เกิดความล่าช้าและความวุ่นวายที่สนามบินทั่วประเทศ สถานที่ในอุทยานแห่งชาติต่างๆ ลดการให้บริการลง และพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนต้องปิดให้บริการ อีกทั้งกรมสรรพากร (IRS) ก็สั่งพักงานพนักงานเกือบครึ่งหนึ่ง ทำให้เกิดความล่าช้าในการให้บริการแก่ผู้เสียภาษี
ขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันผู้มีรายได้น้อยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากเงินช่วยเหลือด้านอาหาร (SNAP) ซึ่งคนอเมริกัน 1 ใน 8 ต้องพึ่งพา ได้รับเงินช่วยเหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ศาลรัฐบาลกลางได้สั่งให้ใช้เงินทุนฉุกเฉินเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือนี้ไปก่อน


.jpg%3Ffit%3Dpad%26w%3D1200%26h%3D900%26fm%3Dpng&w=3840&q=75)
.jpg%3Ffit%3Dpad%26w%3D1200%26h%3D900%26fm%3Dpng&w=3840&q=75)
.jpg%3Ffit%3Dpad%26w%3D1200%26h%3D900%26fm%3Dpng&w=3840&q=75)
.jpg%3Ffit%3Dpad%26w%3D1200%26h%3D900%26fm%3Dpng&w=3840&q=75)
.jpg%3Ffit%3Dpad%26w%3D1200%26h%3D900%26fm%3Dpng&w=3840&q=75)
.jpg%3Ffit%3Dpad%26w%3D1200%26h%3D900%26fm%3Dpng&w=3840&q=75)
.jpg%3Ffit%3Dpad%26w%3D1200%26h%3D900%26fm%3Dpng&w=3840&q=75)
.jpg%3Ffit%3Dpad%26w%3D1200%26h%3D900%26fm%3Dpng&w=3840&q=75)
.jpg%3Ffit%3Dpad%26w%3D1200%26h%3D900%26fm%3Dpng&w=3840&q=75)

