มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์คนที่ 2 กล่าวประณามอิสราเอลผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในเวทีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) เมื่อวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) ว่า “‘ทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ และการขยายเขตการตั้งถิ่นฐาน...ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซากำลังเผชิญกับสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การทำลายล้าง ความอดอยาก และการพลัดถิ่น”
“สิ่งที่อิสราเอลกำลังกระทำอยู่นั้นไม่ใช่แค่การรุกราน แต่มันคือ ‘อาชญากรรมสงคราม’ และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่ถูกบันทึกไว้ และจะถูกบันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดในศตวรรษที่ 20 และ 21”
— อับบาส กล่าว
อับบาสกล่าวถึงกลุ่มฮามาสด้วยว่า “แม้ว่าประชาชนของเราต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย แต่เราขอคัดค้านสิ่งที่ฮามาสได้กระทำเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นการกระทำที่มุ่งเป้าไปที่พลเรือนชาวอิสราเอลและจับตัวประกัน เพราะการกระทำเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ และไม่ได้แสดงถึงการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและเอกราชที่ยุติธรรม”
ในการโจมตีครั้งนั้น ฮามาสและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ได้สังหารผู้คนไปประมาณ 1,200 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน มีประชาชนอีก 251 คนถูกจับไปเป็นตัวประกัน ซึ่งคาดว่ายังมี 48 คนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ และในจำนวนนี้อิสราเอลคาดว่ามี 20 คนที่ยังมีชีวิตอยู่
“จะไม่มีความยุติธรรมเกิดขึ้นหากปาเลสไตน์ไม่ได้รับการปลดปล่อย” อับบาส กล่าว และเสริมว่า เขาพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อการปกครองและความมั่นคงในฉนวนกาซาอย่างเต็มที่ “ฮามาสจะไม่มีบทบาทในการปกครองในอนาคต และจะต้องส่งมอบอาวุธทั้งหมดให้กับทางการปาเลสไตน์”อับบาส กล่าว
ในสุนทรพจน์สั้นๆ แต่หนักแน่น อับบาสได้กล่าวขอบคุณผู้นำโลกที่ยืนหยัดเพื่อชาวปาเลสไตน์ตลอดช่วงสงครามกาซา “การรับรองสถานะ ‘รัฐปาเลสไตน์’ เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ประชาชนของเรามีความหวังในสันติภาพและการยุติความขัดแย้ง”
แต่อับบาสกล่าวเสริมว่า “การรับรองเชิงสัญลักษณ์นั้นไม่เพียงพอที่จะจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบัน...ถึงเวลาแล้วที่ประชาคมโลกจะต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อชาวปาเลสไตน์ เพื่อให้พวกเขาได้รับสิทธิอันชอบธรรมในการปลดแอกจากการยึดครอง และจะไม่ตกเป็นตัวประกันของอารมณ์ทางการเมืองของอิสราเอล ซึ่งปฏิเสธสิทธิของเรา และมันยังคงดำเนินต่อไปบนความอยุติธรรม การกดขี่ และการรุกราน”
ก่อนจบการกล่าวสุนทรพจน์ อับบาสยังได้ส่งสารแห่งความหวังไปยังประชาชนชาวปาเลสไตน์ว่า “ไม่ว่าความทุกข์ทรมานจะดำเนินต่อไปอีกนานเพียงใด ผลลัพธ์ของมันจะไม่ทำลายความตั้งใจของเราในการมีชีวิตอยู่และเอาตัวรอด”
“รุ่งอรุณแห่งอิสรภาพจะปรากฏขึ้น และธงชาติปาเลสไตน์จะโบกสะบัดสูงในท้องฟ้าของเรา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรี ความมั่นคง และการเป็นอิสระจากการยึดครอง ปาเลสไตน์เป็นของเรา เยรูซาเล็มคืออัญมณีแห่งหัวใจและเมืองหลวงนิรันดร์ของเรา เราจะไม่ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนของเรา เราจะไม่ละทิ้งดินแดนของเรา”
— อับบาส กล่าวทิ้งท้าย
(Photo by Zain JAAFAR / AFP)