ตำรวจฮ่องกงจับกุมชายคนหนึ่งวัย 55 ปีในข้อหาขโมยบัตรเครดิตของผู้โดยสาร 2 คนบนเที่ยวบินขาเข้าจากกรุงเทพฯ เมื่อวันอังคาร (11 พ.ย.)
เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวเมื่อวันพุธ (12 พ.ย.) ว่าผู้โดยสารพบว่าสัมภาระส่วนตัวของพวกเขาหายไปจากช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะและสงสัยว่า ‘เป็นการลักทรัพย์’
ทั้งนี้พบว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ถูกควบคุมตัวในข้อหาลักทรัพย์ และยังคงอยู่ในการควบคุมตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่จากเขตท่าอากาศยานยังคงดำเนินการสอบสวนต่อไป
แหล่งข่าวตำรวจระบุว่า เหยื่อทั้ง 2 รายแจ้งว่าบัตรของพวกเขาหายไป ไม่นานหลังจากเครื่องบินลงจอด การสอบสวนเบื้องต้นมุ่งเน้นไปที่บริเวณใกล้ที่นั่งผู้โดยสาร และได้รับการยืนยันว่า ของมีค่าเหล่านั้นถูกขโมยไปจากช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะซึ่งปกติแล้วจะไม่มีระบบล็อค
โฆษกตำรวจยืนยันว่า “คดีนี้ถูกส่งต่อไปยังทีมสืบสวนอาชญากรรมเขตสนามบินเขต 3 เพื่อดำเนินการติดตามผลอย่างละเอียด”
เหตุการณ์นี้เป็นคดีลักทรัพย์ล่าสุดที่เกิดขึ้นระหว่างเที่ยวบิน ซึ่งกระตุ้นให้มีการเตือนผู้โดยสารให้ระมัดระวังทรัพย์สินของตัวเองที่เก็บไว้ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะระหว่างเที่ยวบิน โดยเฉพาะเส้นทางบินระยะไกล แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วสายการบินจะแนะนำให้ผู้โดยสารเก็บสิ่งของมีค่าไว้กับตัว แต่การลักทรัพย์แบบฉกฉวยโอกาสยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็มีรายงานชายชาวจีนแผ่นดินใหญ่ 2 คนถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์มูลค่า 40,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 1.6 แสนบาท) ของผู้โดยสารบนเที่ยวบินจากมาเลเซียและสวิตเซอร์แลนด์ไปยังฮ่องกง
ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 ทางการฮ่องกงได้บันทึกคดีลักทรัพย์ในห้องโดยสารบนเที่ยวบินขาเข้าไว้ถึง 169 คดี มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 4.32 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 17 ล้านบาท)
(Photo by : Shutterstock / Asrul_Rowi)



