อันวาร์ลั่นจะไม่ยอมเสียซาบาห์แม้แต่ตารางนิ้วเดียวให้อินโดฯ กรณีข้อพิพาททางทะเล

5 ส.ค. 2568 - 06:23

  •   มาเลเซียและอินโดนีเซียมีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันในพื้นที่ที่อุดมไปด้วยน้ำมันในทะเลสุลาเวสีนอกชายฝั่งทางตะวันออกของซาบาห์

  • มาเลเซียและอินโดนีเซียกำลังหารือกันเพื่อหาทางออกของปัญหา

  • ปี 2022 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ได้ตัดสินให้เกาะทั้งสองเป็นของมาเลเซีย แต่ไม่ได้กำหนดเขตแดนทางทะเลที่ทับซ้อนกัน พื้นที่ดังกล่าวเกิดปัญหาความขัดแย้งเป็นระยะๆ

อันวาร์ลั่นจะไม่ยอมเสียซาบาห์แม้แต่ตารางนิ้วเดียวให้อินโดฯ กรณีข้อพิพาททางทะเล

นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียกล่าวระหว่างการเนทางเยือนโกตาคินาบาลูว่า มาเลเซียจะปกป้องสิทธิและอธิปไตยของซาบาห์ในการหารือกับอินโดนีเซียเกี่ยวกับพื้นที่พิพาทที่อุดมไปด้วยน้ำมันในทะเลสุลาเวสี

“เราจะเจรจากันอย่างเหมาะสมโดยไม่ยอมแพ้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในการประชุม ไม่ใช่แค่การพูดคุยลับๆ” อันวาร์กล่าว  โดยอ้างถึงการหารือระหว่างการประชุมปรึกษาหารือประจำปีครั้งที่ 13 ระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.ค.

ผู้นำมาเลเซียประกาศว่า “เราจะปกป้องทุกตารางนิ้วของซาบาห์ ผมจะปกป้องหลักการนี้ ผมเลือกที่จะตอบคำถามนี้ตอนนี้ เพราะเรากำลังปกป้องซาบาห์ในนามของรัฐบาลกลาง”

มาเลเซียและอินโดนีเซียมีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันในพื้นที่ที่อุดมไปด้วยน้ำมันในทะเลสุลาเวสีนอกชายฝั่งทางตะวันออกของซาบาห์หมายเลข ND6 และ ND7 ซึ่งมาเลเซียเรียกว่าทะเลสุลาเวสี ส่วนอินโดนีเซียเรียกว่าอัมบาลัต

การหารือกันระหว่างอันวาร์และประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต อินโดนีเซีย ที่จาการ์ตาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน เพื่อเตรียมการสำหรับการปรึกษาหารือประจำปี ทั้งสองฝ่ายตกลงจะพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน

มีการคาดหวังว่าทั้งสองประเทศจะสามารถหาหนทางเพื่อแก้ไขปัญหาทวิภาคีที่มีมายาวนานได้ โดยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาร่วมกันอาจได้รับการเปิดเผยจากการประชุมของผู้นำในอีกหนึ่งเดือนต่อมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อสมาชิกรัฐสภาจากซาบาห์ ซึ่งเป็นรัฐของมาเลเซียที่อยู่ใกล้กับพื้นที่พิพาทมากที่สุด ซักถามอันวาร์ในรัฐสภาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่ายังไม่มีการบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย เนื่องจากการหารือยังคงดำเนินอยู่

นักวิเคราะห์เผยกับ CNA ว่า แนวโน้มการพัฒนาร่วมกันระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงอยู่บนโต๊ะรอการเจรจาเพิ่มเติม แม้ว่าทางซาบาห์จะตั้งคำถาม และทางเลือกนี้ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในแถลงการณ์ร่วมปรึกษาหารือประจำปีที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมก็ตาม

ในแถลงการณ์ ผู้นำยินดีกับ “ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง” ในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเล และย้ำถึงความสำคัญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “ในการรักษาการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์และการประสานงานอย่างใกล้ชิด”

ภายหลังการประชุมสุดยอดผู้นำอินโดนีเซีย ซูจิโอโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวว่า ทั้งสองประเทศยังคงอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อัมบาลัต

“ในทางเทคนิคแล้ว ยังคงมีขั้นตอนอีกยาวไกล” ซูจิโอโนกล่าว และเสริมว่า กระทรวงที่เกี่ยวข้องจะหารือเกี่ยวกับรายละเอียดทางเทคนิคต่อไป

อาดิบ ซาลคาปลี นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านภูมิรัฐศาสตร์ Viewfinder Global Affairs กล่าวว่า ทั้งสองประเทศอาจเลือกที่จะไม่พูดถึงการพัฒนาอัมบาลัตร่วมกันในแถลงการณ์ร่วม เนื่องจากการหารือยังคงดำเนินอยู่

“ความเป็นไปได้ประการหนึ่งคือ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงเจรจาด้านเทคนิคของข้อตกลงอยู่ ดังนั้น การแถลงต่อสาธารณะใดๆ ของผู้นำอาจส่งผลเสีย” ซาลคาปลีเผยกับ CNA “ในการเจรจาปัญหาพรมแดนหรือการพัฒนาร่วมกันในพื้นที่พิพาท ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือ รายละเอียดทางเทคนิคและข้อตกลงทางการค้า ไม่ใช่การเมืองภายในประเทศ”

ทั้งนี้ ข้อพิพาททะเลสุลาเวสีเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไข เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนทั้งในขอบเขตทางทะเล ทั้งอธิปไตยเหนือพื้นที่เกาะสองแห่งคือ เกาะสิปาดันและเกาะปาเลาลิกิตัน

ปี 2022 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ได้ตัดสินให้เกาะทั้งสองเป็นของมาเลเซีย แต่ไม่ได้กำหนดเขตแดนทางทะเลที่ทับซ้อนกัน พื้นที่ดังกล่าวเกิดปัญหาความขัดแย้งเป็นระยะๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ทั้งสองประเทศพยายามหาทางแก้ไขข้อพิพาท

รายงานของสำนักข่าว The Star ของมาเลเซียระบุว่า ปี 2004 บริษัท Petronas ได้มอบสัมปทานให้กับบริษัท Shell สำรวจพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการประท้วงจากอินโดนีเซีย ซึ่งได้ให้สิทธิในลักษณะเดียวกันแก่บริษัทพลังงาน Eni ของอิตาลี

ปี 2009 อินโดนีเซียได้ประท้วงการปรากฏตัวทางทหารของมาเลเซียในพื้นที่ดังกล่าว และในปีถัดมา เรือรบของอินโดนีเซียก็เกือบเปิดฉากยิงเรือตรวจการณ์ของกองทัพเรือมาเลเซีย เนื่องจากเรือลำดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้ออกไป

Photo by BAY ISMOYO / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์