นักวิชาการมาเลเซียเตือนรัฐบาลอันวาร์ระวังกัมพูชาเล่นบทเหยื่อ

22 ก.ย. 2568 - 09:47

  • บทความระบุว่า กัมพูชามีแนวโน้มที่จะสร้างเรื่องราวว่าไทยโหดร้าย มุ่งเป้าคุกคามพลเรือนที่อ่อนแอ เช่น ผู้หญิง เด็กและพระสงฆ์

  • อาเซียนภาคภูมิใจในการรักษาความเป็นกลาง หากสมาชิกหลักรายใดรายหนึ่งดูลำเอียง ก็จะลดความน่าเชื่อถือโดยรวมของอาเซียนในการแก้ไขความขัดแย้ง

  • ผู้เขียนแนะว่ามาเลเซียในฐานะคนกลางควรรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนจากทั้งสองฝ่าย

นักวิชาการมาเลเซียเตือนรัฐบาลอันวาร์ระวังกัมพูชาเล่นบทเหยื่อ

Malay Mail สื่อของมาเลเซียเผยแพร่บทความเรื่อง “Malaysia has to be careful of Cambodia playing the victim card” เขียนโดย ฟาร์คิมเบ็ง ศาสตราจารย์ด้านเอเชียศึกษาของมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติมาเลเซียและผู้อำนวยการสถาบันการศึกษานานาชาติและอาเซียน (IINTAS) ที่เตือนว่า มาเลเซีย ซึ่งถูกดึงเข้าสู่ความขัดแย้งด้วยถ้อยแถลงและรายงานจากกรุงพนมเปญ จำเป็นต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากกัมพูชาอาจใช้กลยุทธ์เล่นบทเหยื่อ เพื่อดึงความเห็นใจจากนานาชาติ

บทความนี้ระบุว่า กัมพูชามีแนวโน้มที่จะสร้างเรื่องราวว่าไทยโหดร้าย มุ่งเป้าคุกคามพลเรือนที่อ่อนแอ เช่น ผู้หญิง เด็กและพระสงฆ์ เพื่อสร้างภาพเชิงลบให้แก่ไทยและเรียกร้องการสนับสนุนจากต่างประเทศ และยกตัวอย่างว่า ภาพของพระสงฆ์ที่กำลังสำลักแก๊สน้ำตานั้นทรงพลังยิ่งกว่าการถกเถียงเชิงเทคนิคเกี่ยวกับพิกัดชายแดน

ฟาร์คิมเบ็งระบุว่า หากมาเลเซียถูกมองว่าเข้าข้างกัมพูชา ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียน และเป็นหุ้นส่วนสำคัญด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง เหินห่าง

การทำเช่นนี้ยังอาจบั่นทอนความสามารถของมาเลเซียในการไกล่เกลี่ย ไม่เพียงแต่ความขัดแย้งนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อพิพาทอื่นๆ ที่ความเป็นกลางและความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความสัมพันธ์ภายนอกเท่านั้น ในประเทศเอง ชาวมาเลเซียมักสนใจเรื่องราวความอยุติธรรมอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความทุกข์ทรมานของพระสงฆ์ สตรี หรือเด็ก หากรัฐบาลถูกมองว่าเพิกเฉยต่อเรื่องราวเหล่านี้ อาจถูกกล่าวหาว่าขาดความเห็นอกเห็นใจ แต่หากรัฐบาลสะท้อนเรื่องราวเหล่านี้โดยไม่พิจารณาว่าอะไรถูกอะไรผิด อาจถูกกล่าวหาว่าไร้เดียงสา หรือยอมแลกสมดุลทางการทูตระยะยาวกับคะแนนนิยมจากประชาชนในระยะสั้น

สำหรับอาเซียนในภาพรวม ความผิดพลาดของมาเลเซียจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น อาเซียนภาคภูมิใจในการเป็นตัวกลางที่ซื่อสัตย์ รักษาความเป็นกลางแม้ในขณะที่ผลักดันคู่กรณีให้ลดระดับความขัดแย้ง หากสมาชิกหลักรายใดรายหนึ่งดูลำเอียง ก็จะลดความน่าเชื่อถือโดยรวมของอาเซียนในการแก้ไขความขัดแย้ง ไม่ว่าจะในทะเลจีนใต้ เมียนมา หรือที่อื่นๆ

ด้วยเหตุนี้ มาเลเซียจึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งหมายถึงการไม่เพียงแต่รับฟังผู้สังเกตการณ์ชาวกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังต้องยืนยันให้ไทยรายงานเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงรายงานปฏิบัติการ ภาพถ่ายดาวเทียม และภาพวิดีโอที่มีอยู่ด้วย

ประการที่สอง มาเลเซียควรเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นกลางผ่านอาเซียน การมีทีมผู้สังเกตการณ์ ซึ่งมาจากหลายประเทศสมาชิก จะช่วยให้สามารถยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่บ้านหนองหญ้าแก้วได้อย่างเป็นอิสระ กลไกดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผูกขาดเรื่องราว

ประการที่สาม มาเลเซียควรวางกรอบแถลงการณ์ต่อสาธารณะอย่างสมดุล การแสดงความห่วงใยด้านมนุษยธรรมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นสิ่งสำคัญ แต่การตระหนักว่าความตึงเครียดบริเวณชายแดนมักไม่เกิดขึ้นเพียงฝ่ายเดียวก็สำคัญเช่นกัน การเน้นย้ำถึงความยับยั้งชั่งใจ การเจรจา และการปฏิบัติตามข้อตกลง จะทำให้มาเลเซียสามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจโดยไม่ตกเป็นเหยื่อของการบงการ

บทความระบุอีกว่า มาเลเซียต้องตระหนักถึงความพยายามในการดึงผู้มีส่วนร่วมจากภายนอกเข้ามาเป็นผู้ยืนยันข้อเรียกร้องที่ถูกโต้แย้ง การตกหลุมพรางเช่นนี้จะทำลายสถานะของมาเลเซียในฐานะผู้นำระดับภูมิภาคที่น่าเชื่อถือและรอบคอบ

ฟาร์คิมเบ็งเตือนว่า ในขณะเดียวกัน มาเลเซียก็ต้องตระหนักถึงเรื่องราวภายในประเทศของตนเองด้วย สื่อและวาทกรรมสาธารณะของประเทศบางครั้งอาจทำให้ประเด็นที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องของอาชญากรและเหยื่อได้ง่ายเกินไป สื่อมวลชนต้องรายงานข่าวและตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อให้ชาวมาเลเซียเข้าใจถึงความคลุมเครือและความขัดแย้งของเหตุการณ์ต่างๆ

บทความระบุว่า ท้ายที่สุดแล้ว ข้อพิพาทที่บ้านหนองหญ้าแก้วไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่พิพาท แต่เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ ชื่อเสียง และความไว้วางใจ สิ่งเหล่านี้เป็นทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้แต่ทรงพลังมหาศาลในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อมีการรอมชอมกันแล้วก็ยากที่จะกู้คืน

ในข้อพิพาทเช่นนี้ พื้นที่อาจเป็นของรัฐ แต่เรื่องราวเป็นของใครก็ตามที่เล่าได้อย่างน่าเชื่อถือที่สุด สำหรับมาเลเซีย ความรับผิดชอบคือการหลีกเลี่ยงการถูกดึงเข้าไปในเรื่องราวที่สร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง และควรยืนหยัดอย่างมั่นคงบนหลักการแห่งความจริง ความสมดุล และเสถียรภาพในภูมิภาค

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ถูกโต้แย้งไม่ได้เป็นเพียงเรื่องที่ดินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถของอาเซียนในการรักษาความไว้วางใจในหมู่สมาชิก ชื่อเสียงของมาเลเซียในฐานะผู้ดำเนินการที่เที่ยงธรรม และศักยภาพร่วมกันของภูมิภาคในการบริหารจัดการกิจการของตัวเองโดยปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก สิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายที่มีความสำคัญยิ่งกว่าพื้นที่ชายแดนใดๆ

Photo by Vincent Thian / POOL / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์