สภาเครมลินของรัสเซียออกมา ‘ปฏิเสธ’ ข้อสันนิษฐานเมื่อวันศุกร์ (7 พ.ย.) ที่ผ่านมาว่า เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ทะเลาะกับ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งคาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับประเด็นที่การประชุมสุดยอดระหว่างปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ฮังการีถูก ‘ยกเลิก’ ไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ลาฟรอฟ นักการทูตอาวุโสยุคโซเวียตในวัย 75 ปี ผู้มีชื่อเสียงในด้านการเจรจาต่อรองอย่างแข็งขัน ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่ที่สภาเครมลินในสัปดาห์นี้ เพราะโดยปกติแล้วเขาจะเข้าร่วม อีกทั้งปูตินยังได้เลือกคนอื่นแทนลาฟรอฟไปเข้าร่วมประชุมสุดยอด G20 ที่แอฟริกาใต้ในปลายเดือนนี้ ซึ่งเป็นบทบาทที่ลาฟรอฟเคยรับผิดชอบในอดีต
ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียก็ไม่ได้เปิดเผยกำหนดการเดินทาง หรือการบรรยายของลาฟรอฟในสัปดาห์ถัดไปด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการคาดเดาว่า ลาฟรอฟ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมานานกว่า 2 ทศวรรษ อาจทะเลาะกับปูติน เนื่องจากแผนการประชุมสุดยอดกับทรัมป์ที่ฮังการีถูก ‘ยกเลิก’
เมื่อวันศุกร์ (7 พ.ย.) ที่ผ่านมา ดมีตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว “ผมจะตอบสั้นๆ ว่า รายงานเหล่านี้ไม่เป็นความจริง” เมื่อนักข่าวถามว่า ลาฟรอฟจะยังคงทำงานในตำแหน่งปัจจุบันต่อไปหรือไม่ เปสคอฟ ก็ตอบว่า “แน่นอน ลาฟรอฟยังคงทำงานเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่”
ลาฟรอฟได้โทรศัพท์พูดคุยกับ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดทรัมป์-ปูตินที่อาจเกิดขึ้น เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทรัมป์ประกาศเรื่องนี้หลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์กับปูติน แต่วันต่อมา ทรัมป์กลับบอกว่า เขาไม่ต้องการการประชุมที่ ‘เสียเวลา’ และได้ยกเลิกการประชุมสุดยอดไปเพราะ “รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม”
ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้พยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซีย และได้จัดการประชุมสุดยอดที่อะแลสก้ากับปูตินเมื่อเดือนสิงหาคม แต่ทรัมป์สนับสนุนให้ ‘หยุดยิง’ ในยูเครนทันที โดยมีกองกำลังประจำการอยู่ ณ ตำแหน่งปัจจุบัน ขณะที่รัสเซียต้องการให้ยูเครนถอยออกจากดินแดนบางส่วน
สำนักข่าว Reuters และสื่ออื่นๆ รายงานว่า สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการประชุมสุดยอดครั้งใหม่ หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียส่งสารระบุว่า “รัสเซียไม่พร้อมที่จะยอมทำตามข้อเรียกร้องที่เข้มงวดเกี่ยวกับยูเครน” ขณะที่ Financial Times ของอังกฤษอ้างอิงจากแหล่งข่าวว่า “การสนทนาระหว่างลาฟรอฟ กับรูบิโอทำให้สหรัฐฯ ลังเล...ลาฟรอฟดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนเขาจะคิดว่ามีสิ่งที่ดีกว่าที่จะต้องทำ มากกว่าการร่วมมือกับสหรัฐฯ ไม่ว่าปูตินจะต้องการอะไรก็ตาม”
มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุเมื่อวันศุกร์ (7 พ.ย.) ว่า “บทความของ Financial Times ถูกตีพิมพ์เพื่อกระตุ้นการคาดเดาที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อรัสเซีย” และเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เธอเรียกว่า “สงครามลูกผสมกับรัสเซีย”
อย่างไรก็ดี ปูตินชี้ให้เห็นชัดเจนว่า นอกเหนือจากประเด็นเรื่องยูเครนแล้ว เขายังเชื่อว่าการปรองดองระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ นั้นจะเป็นผลประโยชน์ต่อรัสเซีย และมีความสำคัญต่อความมั่นคงของโลก เนื่องจากทั้งสองประเทศมีคลังอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมหาศาล
(Photo by Alexander KAZAKOV / POOL / AFP)



