ผู้ว่าราชการจังหวัดนีงาตะเตรียมที่จะอนุมัติให้ ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก’ กลับมาดำเนินงานอีกครั้งในสัปดาห์นี้ สำนักข่าว Kyodo news รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวหลายรายที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า ฮิเดโยะ ฮานาซูมิ ผู้ว่าราชการจังหวัดนีงาตะ เตรียมประกาศอนุมัติให้เริ่มเดินเครื่อง ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะ’ บางส่วนได้ตั้งแต่วันศุกร์ (21 พ.ย.) นี้
ฮานาซูมิ จะหารือกับสภาจังหวัดเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขาในการประชุมสามัญประจำปีที่จะเริ่มต้นในวันที่ 2 ธันวาคม หากสภาจังหวัดเห็นชอบต่อการตัดสินใจนี้ ก็คาดว่าฮานาซูมิจะตอบรับคำขอของรัฐบาลกลางในการอนุมัติการเริ่มเดินเครื่องใหม่อีกครั้ง
บริษัท Tokyo Electric Power Company Holdings (TEPCO) กำลังพยายามที่จะนำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะกลับมาใช้งานอีกครั้ง หลังจากที่โรงไฟฟ้านี้ถูกปิดมาตั้งแต่เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะเมื่อสิบกว่าปีก่อน ซึ่งการอนุมัติในครั้งนี้จะเป็นขั้นตอนสุดท้าย
โรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะมีกำลังการผลิตรวม 8,212 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ดี TEPCO กำลังวางแผนที่จะเปิดใช้เครื่องปฏิกรณ์หลัก 2 เครื่อง คือ หมายเลข 6 และ 7 ซึ่งผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 2,710 เมกะวัตต์ และอาจปลดระวางเครื่องปฏิกรณ์ที่เหลืออีก 5 เครื่อง
ในเดือนตุลาคม TEPCO ได้ตรวจสอบเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 6 เสร็จสิ้นแล้วหลังจากเติมเชื้อเพลิง โดยในขณะนั้นบริษัทยืนยันว่า ระบบหลักที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นการทำงานของเตาปฏิกรณ์ทำงานได้อย่างถูกต้อง
ก่อนหน้านี้ TEPCO ได้ให้คำมั่นสัญญาสนับสนุนเงิน 1 แสนล้านเยน (ราว 2 หมื่นล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่น แลกกับการได้รับการสนับสนุนให้เริ่มเดินเครื่องโรงไฟฟ้าใหม่อีกครั้ง ซึ่ง TEPCO ได้พยายามขออนุมัติมานานหลายปีแล้ว แม้ว่าจะมีการคัดค้านจากท้องถิ่นอยู่บ้าง
หากได้รับการอนุมัติ การเริ่มต้นเดินเครื่องใหม่นี้จะสอดคล้องกับแผนของนายกฯ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ที่ต้องการสนับสนุนการเริ่มต้นเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มเติม เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน
การฟื้นฟูโรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะบางส่วนจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ซื้อ LNG รายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากจีน เนื่องจากรัฐบาลของทาคาอิจิกำลังให้ความสำคัญกับการลดค่าครองชีพในประเทศ
ญี่ปุ่นได้เริ่มเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 14 เครื่องอีกครั้ง นับตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นหลังภัยพิบัติฟุกุชิมะ ทั้งนี้ พบว่า ณ สิ้นเดือนตุลาคม มีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 11 เครื่องที่เดินเครื่องอยู่ทั่วประเทศ โดยมีกำลังการผลิตรวม 10,647 เมกะวัตต์ ขณะที่ก่อนเกิดภัยพิบัติ หน่วยงานสาธารณูปโภคของญี่ปุ่นมีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ดำเนินการอยู่ 54 เครื่อง
“หากเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 6 กลับมาใช้งานได้ในต้นปีหน้า อาจส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซ LNG ของญี่ปุ่นลดลงประมาณ 1 ล้านตัน...เราได้ปรับลดการคาดการณ์ความต้องการก๊าซ LNG ของญี่ปุ่นในปี 2026 ลงจาก 66 ล้านตันในปี 2025 เหลือ 63 ล้านตัน เนื่องจากความพร้อมใช้ของพลังงานนิวเคลียร์ที่สูงขึ้นและความต้องการพลังงานที่ลดลงในเชิงโครงสร้าง...”
— โก คาตายามะ นักวิเคราะห์จาก ‘Kpler’ บริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการข้อมูล และการวิเคราะห์ กล่าว
(Photo by RECOQUILLE-BRESSION / IRSN / AFP)



