กลายเป็นมหากาพย์คนสู้กับหมีไปเสียแล้ว...เมื่อญี่ปุ่นส่งกำลังทหารไปยังพื้นที่ทุรกันดารทางตอนเหนือของประเทศเมื่อวันพุธ (5 พ.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อช่วยดักจับ ‘หมี’ หลังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานว่า “ชุมชนกำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อรับมือกับการโจมตีของหมีระลอกใหม่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ปฏิบัติการเริ่มต้นขึ้นที่เมืองคาซูโนะ เมืองเล็กๆ ในจังหวัดอากิตะที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาที่ปกคลุมด้วยป่าไม้ ซึ่งพบเห็นหมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่ชาวบ้านได้รับการแจ้งเตือนไม่ให้เข้าใกล้ป่าทึบและอยู่แต่ในบ้านหลังจากมืดค่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงหมีที่ออกหาอาหารบริเวณละแวกหมู่บ้าน
สถิติการโจมตีของหมีที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...
นับตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา มีหมีโจมตีประชาชนในประเทศไปแล้วประมาณ 100 ราย และคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 13 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในรอบทศวรรษครึ่งที่ผ่านมา ทั้งนี้พบว่ามีรายงานการโจมตีของหมีในปี 2023 จำนวน 219 เคส และจนถึงปลายเดือนตุลาคมของปีนี้ มีเคสหมีโจมตีชาวบ้านไปแล้ว 196 เคส อีกทั้งการโจมตีดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะในภูมิภาคโทโฮคุ
— ข้อมูลของกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น ระบุ
ขณะเดียวกันก็มีรายงานการพบเห็นหมีประมาณ 20,000 ครั้งทั่วประเทศระหว่างเดือนเมษายนถึงกันยายน ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 7,000 ครั้งจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 ส่วนใหญ่แล้ว เหล่าชาวบ้านมักจะมักพบเห็นหมีบริเวณแถบภูเขาทางตอนเหนือ ใกล้ซูเปอร์มาร์เก็ต สถานีขนส่ง โรงเรียน หรือแม้แต่รีสอร์ทน้ำพุร้อน
ส่วนในจังหวัดอากิตะ เจ้าหน้าที่ระบุว่า มีการพบเห็นหมีเพิ่มขึ้น 6 เท่าในปีนี้ เป็นมากกว่า 8,000 ครั้ง และการโจมตีกำลังจะสร้างสถิติใหม่ โดยนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมพบว่า หมีได้โจมตีผู้คนไปแล้วกว่า 50 รายในจังหวัดอากิตะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย เป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องขอความช่วยเหลือจากกองกำลังป้องกันตัวเองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตัวเองนั้น พวกเขามาพร้อมด้วยสเปรย์ไล่หมีและโล่ห์ โดยหลักๆ จะช่วยกันวางกับดักกล่องเหล็กเพื่อจับหมี และขนส่งนักล่าในพื้นที่ที่จะเข้าไปยิงหมี “เราตระหนักดีว่าอันตรายจากหมีกำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤตในจังหวัดอากิตะ” ผู้บัญชาการทหาร ยาสึโนริ มัตสึนางะ กล่าวเมื่อวันพุธ (5 พ.ย.) ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เผยว่า “ปฏิบัติการดังกล่าวจะขยายไปยังเทศบาลอื่นๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงสิ้นเดือนนี้”
“กองกำลังกำลังเข้าแทรกแซง ‘เพื่อปกป้องชีวิตและความเป็นอยู่’ ของประชาชนจากสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดานี้ แต่ภารกิจหลักของกองกำลังป้องกันตัวเองของญี่ปุ่น (SDF) คือ ‘การป้องกันประเทศ’ ซึ่งหมายความว่า เราไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการรับมือกับหมีได้อย่างไม่มีกำหนด” ชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว
ทำไม ‘หมี’ ถึงโจมตีผู้คนมากขึ้นล่ะ?

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าจำนวนประชากรหมีที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น อาจเกิดจากผู้คนที่ย้ายจากชนบทเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น อีกทั้งนักล่าหมีก็น้อยลง เนื่องจากประชากรสูงอายุเยอะขึ้น ประกอบกับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหารและรูปแบบการจำศีลของหมี จึงให้พวกมันโจมตีผู้คนเพิ่มขึ้น
“การเปลี่ยนแปลงทั้งทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ผสมผสานกัน ซึ่งนั่นทำให้เส้นแบ่งระหว่างการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์และถิ่นที่อยู่ของหมีเลือนลางลง ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งก็คือ ‘ผลผลิตของผลบีชนัทและลูกโอ๊ก’ ที่เป็นแหล่งอาหารหลักของหมีนั้นลดลงก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะจำศีล”
— ผู้เชี่ยวชาญ ระบุ
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หมีออกหาอาหารในพื้นที่ราบต่ำและเข้าไปในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ “เมื่อประชากรในชนบทของญี่ปุ่นลดลงและมีอายุมากขึ้น เขตกันชนแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า ‘ซาโตะยามะ’ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพื้นที่กั้นระหว่างป่ากับบ้านเรือนก็หดตัวลง พื้นที่เกษตรกรรมที่ถูกทิ้งร้างและทางเดินสีเขียวที่รกครึ้มในปัจจุบันจึงขยายขอบเขตของป่าไปเข้าไปยังย่านที่อยู่อาศัยโดยตรง ทำให้มีความเสี่ยงที่ชาวบ้านจะพบเจอกับหมีโดยบังเอิญมากขึ้น” ผู้เชี่ยวชาญ ระบุ
นอกจากนี้ จำนวนนักล่าสัตว์ที่ได้รับอนุญาตที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ลดลงเนื่องจากประชากรสูงอายุของญี่ปุ่น ส่งผลให้การควบคุมประชากรหมีลดลง
รัฐบาลญี่ปุ่นจัดการกับ ‘หมี’ ยังไง

โดยทั่วไป รัฐบาลท้องถิ่นจะสั่งให้นักล่ายิงหมีเฉพาะเหตุที่เห็นว่าหมีนั้นเป็นอันตรายอย่างชัดเจนและใกล้เข้ามาเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ผู้คนก็ต้องเรียนรู้ที่จะ ‘อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล’ เพื่อลดการลดการเผชิญหน้ากับหมีและป้องกันไม่ให้หมีเข้ามาในถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ได้แก่
- กำจัดต้นไม้ผลไม้บริเวณใกล้ภูเขาที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
- ตัดแต่งพุ่มไม้หนาทึบบริเวณสองฝั่งแม่น้ำที่เป็นทางผ่านของหมีไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชุมชน
- จัดการขยะในพื้นที่อยู่อาศัยอย่างรัดกุม
- ไม่ทิ้งอาหาร ขยะ หรือสิ่งของที่มีกลิ่นหอมไว้กลางแจ้ง
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ป่าในช่วงเวลาเช้าตรู่ เย็น และพลบค่ำ
แต่ดูเหมือนว่าในปัจจุบัน รัฐบาลจะหาแนวทางใหม่ๆ ในการกำจัดหมีอันตรายอย่างมีมนุษยธรรมแทนการยิง เช่น การการุณยฆาต
นอกจากนี้ เว็บไซต์ที่รายงานการพบเห็นหมีในญี่ปุ่นอย่าง kumadas.net และ kumamap.com ก็แนะนำข้อมูลเบื้องต้นหากต้องเดินเข้าไปในป่า ได้แก่ :
- ส่งเสียงดังขณะเดิน เช่น การพูดคุย หรือร้องเพลง เพื่อให้หมีรู้ว่ามีคนอยู่
- พกกระดิ่ง หรือนกหวีดติดตัวไปด้วย
- พกสเปรย์ไล่หมี ซึ่งปกติจะเป็นสเปรย์ละอองที่มีส่วนผสมของแคปไซซิน แต่หาซื้อได้ยากในญี่ปุ่น ต่างจากในอเมริกาเหนือที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย
- หากพบเห็นหมีจากระยะไกล ให้ตั้งสติ อย่าตะโกน วิ่ง หรือเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน จากนั้นค่อยๆ ถอยห่างอย่างช้าๆ พร้อมกับเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของหมี แต่ต้องหลีกเลี่ยงการสบตากับหมีโดยตรง สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่วิ่งหนีหากหมีเข้ามาใกล้ หรือกำลังโจมตี
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอะกิตะในปี 2023 ยืนยันว่า “การวางท่าทางป้องกันตัว เช่น การนอนคว่ำหน้า ประสานมือไว้รอบคอด้านหลัง และขดตัวเพื่อป้องกันศีรษะ คอ และหน้าท้อง จะช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บจากการถูกหมีโจมตีได้”
กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รวมถึงกระทรวงสิ่งแวดล้อม ยังแนะนำให้พกขวดพลาสติกเปล่าเพื่อป้องกันหมี ซึ่งพวกเขาบอกว่า “หมีไม่ชอบเสียงขวดพลาสติกที่ถูกบีบ หรือบด” มาตรการดังกล่าวก็เพื่อปกป้องเด็กที่ไปและกลับจากโรงเรียนในภูมิภาคตอนเหนือของญี่ปุ่น เช่น ฮอกไกโด และโทโฮคุ
(Photo by : Shutterstock / Frank Fichtmueller)



