ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นที่เสื่อมถอยลงในเดือนนี้ สืบเนื่องจากคำกล่าวของนายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่นเกี่ยวกับไต้หวัน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อร้านแบรนด์เนมหรูหรา ร้านก๋วยเตี๋ยว และโรงแรมที่นักท่องเที่ยวนิยมไปจับจ่ายใช้สอย
แต่ธุรกิจในโตเกียวส่วนใหญ่กลับไม่สนใจความกังวลดังกล่าว
ชินะ อิโตะ มีลูกค้าชาวจีนน้อยลงที่ร้านจิวเวลรี่ของเธอในโตเกียว นับตั้งแต่จีนออกคำเตือนเรื่องการเดินทางอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการทูต แต่เธอบอกว่าเธอไม่ได้กังวล
“เนื่องจากมีลูกค้าชาวจีนน้อยลง ทำให้นักช้อปชาวญี่ปุ่นเดินทางมาได้สะดวกขึ้น ยอดขายของเราจึงไม่ลดลงมากนัก” อิโตะ ผู้จัดการร้านเผยกับสำนักข่าว AFP
โดยปกติแล้ว ลูกค้าชาวจีนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของลูกค้าที่ร้านของเธอในย่านอาซากุสะ ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ของกรุงโตเกียว ซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินเตร่ไปตามตรอกซอกซอยที่เรียงรายไปด้วยร้านค้า
ธุรกิจการท่องเที่ยวและค้าปลีกหลายแห่งในญี่ปุ่นพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ ในการซื้อของทุกอย่าง ตั้งแต่ซูชิไปจนถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
โรงแรม ร้านขายเสื้อผ้าดีไซเนอร์ และแม้แต่ร้านขายยาบางแห่งก็มีพนักงานที่พูดภาษาจีนกลาง ขณะที่ห้างสรรพสินค้ามักจะมีป้ายภาษาจีน
ในย่านกินซ่าอันหรูหราของโตเกียว ยูกิ ยามาโมโตะ ผู้จัดการร้านอุด้งชื่อดังบนอินสตาแกรมกล่าวว่า เขาไม่ได้สังเกตเห็นผลกระทบต่อยอดขายในทันทีในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่จีนเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงญี่ปุ่น
“ผมไม่คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันหรือรุนแรงใดๆ” เขากล่าว แม้จะประเมินว่า ในวันปกติ ลูกค้าที่รอคิวหน้าร้านของเขาราวครึ่งหนึ่งเป็นชาวจีน “แน่นอนว่า หากจำนวนลูกค้าลดลง นั่นก็เป็นเรื่องน่าผิดหวังสำหรับทางร้าน แต่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นก็ยังคงรับประทานอาหารตามปกติ ดังนั้นเราจึงไม่ได้กังวลมากนัก”
ข้อมูลอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นระบุว่า จีนเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด โดยมีนักท่องเที่ยวเกือบ 7.5 ล้านคนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด
ด้วยค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง นักท่องเที่ยวเหล่านี้จับจ่ายใช้สอยถึง 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 3
ข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่นระบุว่า ปีที่แล้วนักท่องเที่ยวชาวจีนใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นโดยเฉลี่ย 22%
อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาญี่ปุ่นในปีที่แล้วสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 36.8 ล้านคน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะการท่องเที่ยวล้นเกิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมากในญี่ปุ่น
-การบังคับทางเศรษฐกิจ-
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นายกรัฐมนตรีทาคาอิจิเผยว่า ญี่ปุ่นอาจเข้าไปแทรกแซงทางการทหารหากไต้หวันถูกโจมตี จากนั้นทางการจีนจึงออกคำแนะนำให้พลเมืองเลี่ยงการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ส่งผลให้หุ้นค้าปลีกและการท่องเที่ยวร่วงระนาว และส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้น
คิมิ โอโนดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นสายเหยี่ยวออกมาตอบโต้ โดยเตือนถึงอันตรายของ “การพึ่งพาประเทศที่ใช้การบีบบังคับทางเศรษฐกิจมากเกินไปเมื่อไม่พอใจ” ซึ่ง “ก่อให้เกิดความเสี่ยงไม่ทั้งต่อห่วงโซ่อุปทาน ทั้งการท่องเที่ยว”
อู๋เว่ยกัว ผู้จัดการเอเจนซี่ท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้เผยว่า “ผลกระทบหนักที่สุดอยู่ที่การท่องเที่ยวแบบเป็นกลุ่ม” โดยลูกค้า90% ของอู๋ขอคืนเงินสำหรับทริปญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติพบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเพียงประมาณ 12% เท่านั้นที่เดินทางไปญี่ปุ่นแบบจัดกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งลดลงจากเกือบ 43% ในปี 2015
ยาซูชิ คาเนโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นกล่าวว่า ปัญหานี้ไม่ใช่ “เรื่องที่ทำให้ทุกคนกังวล” โดยตั้งข้อสังเกตถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น
-ต้องใช้เวลากว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย-
อย่างไรก็ดี โรงแรมในญี่ปุ่นที่พึ่งพาลูกค้าชาวจีนอย่างหนักเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบ
เคอิโกะ ทาเคอูจิ ที่ดำเนินกิจการโรงแรม Gamagori Hotel ทางตอนกลางของญี่ปุ่นเผยว่า “การยกเลิกจากบริษัททัวร์ในจีนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าของเราประมาณ 50-60% เป็นคนสัญชาติจีน หวังว่าสถานการณ์จะสงบลงเร็วๆ นี้ แต่ดูเหมือนจะต้องใช้เวลา”
จีนแสดงท่าทีชัดเจนว่าโกรธแค้นทาคาอิจิ จึงได้เรียกเอกอัครราชทูตโตเกียวเข้าพบ และสื่อทางการจีนรายงานว่าได้เลื่อนการฉายภาพยนตร์ญี่ปุ่นอย่างน้อย 2 เรื่องออกไป
แต่อู๋ ผู้จัดการบริษัททัวร์กล่าวว่า การทะเลาะวิวาทครั้งนี้จะไม่หยุดยั้งนักท่องเที่ยวที่ใฝ่ฝันถึงโตเกียว
“พวกเขาเชื่อว่าบริการมีคุณภาพสูงและราคาสมเหตุสมผล” เขากล่าว “ชาวจีนจะยังคงอยากมาเยือนญี่ปุ่นต่อไป”
Photo by RICHARD A. BROOKS / AFP



