การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลใส่กรุงโดฮาของกาตาร์โดยอ้างว่ามีเป้าหมายเพื่อสังหารผู้นำฮามาสที่กำลังเจรจาหาทางยุติสงครามในกาซาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเหมือนจะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับประเทศในกลุ่มอาหรับและประเทศมุสลิม
ในที่ประชุมสุดยอดอาหรับ-อิสลามฉุกเฉินที่กรุงโดฮาเพื่อรับมือกับการโจมตีครั้งล่าสุดของอิสราเอลมีการเสนอให้จัดตั้งกองกำลังผสมทางทหารร่วมกัน ซึ่งสื่อบางสำนักขนานนามว่า “นาโตอาหรับ” ที่คล้ายกับกลุ่มนาโตของยุโรป
ข้อเสนอนี้ถือเป็นการผลักดันที่จริงจังที่สุดต่อความร่วมมือทางทหารในภูมิภาคในรอบหลายทศวรรษ
อียิปต์ซึ่งมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในแถบอาหรับเป็นแกนนำในการเสนอจัดตั้งนาโตอาหรับ โดยจะให้ใช้กรุงไคโรเป็นฐานที่ตั้ง ขณะที่ปากีสถาน ประเทศมุสลิมเพียงประเทศเดียวในโลกที่มีอาวุธนิวเคลียร์ เรียกร้องให้จัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วมเพื่อ “ตรวจสอบแผนการของอิสราเอลในภูมิภาค และนำมาตรการยับยั้งและมาตรการเชิงรุกที่มีประสิทธิผลมาใช้ในลักษณะที่สอดประสานกันเพื่อป้องกันแผนการขยายอำนาจของอิสราเอล”

ความตึงเครียดครั้งล่าสุดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในลำดับความสำคัญด้านความมั่นคงของตะวันออกกลาง
หลังจากอิสราเอลปูพรมถล่มโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 12 วันก่อนหน้านี้ และการโจมตีอย่างต่อเนื่องในฉนวนกาซา และการโจมตีกรุงโดฮาครั้งล่าสุด บรรดาผู้นำประเทศมุสลิมก็ยิ่งมองว่าอิสราเอลเป็นตัวบ่อนทำลายความสงบในภูมิภาค
การโจมตีกาตาร์ครั้งนี้ยังก่อให้เกิดความกังขาเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในฐานะที่เป็นคนรับประกันความปลอดภัย
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพียงแต่บอกว่า รัฐบาลทรัมป์ “ไม่แฮปปี้” กับการกระทำของอิสราเอลในโดฮา แต่กลับไม่มีการประณาม ทั้งยังตอกย้ำด้วยคำพูดของ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่การกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เพิ่งเดินทางเยือนอิสราเอลซึ่งเหมือนเป็นการให้ท้ายกลายๆ ว่า สหรัฐฯ สนับสนุนอิสราเอลเต็มที่ในการกำจัดฮามาส (อ่านเรื่อง รูบิโอลั่นสหรัฐฯ พร้อมสนับสนุนแผนอิสราเอล ‘ทำลายล้างฮามาส’ เต็มที่ ที่นี่)

กาตาร์กับอิสราเอลต่างก็เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง กาตาร์เป็นที่ตั้งฐานทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ส่วนอิสราเอลคงไม่ต้องพูดถึง เพราะเห็นๆ กันอยู่ แต่ท่าทีทั้งหมดของสหรัฐฯ ยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างประเทศอาหรับและอิสราเอลห่างกันมากขึ้น
และเรื่องนี้มีราคาที่สหรัฐฯ ต้องจ่าย
ฮุสเซน อิบิช นักวิชาการระดับอาวุโสของ Arab Gulf States Institute ในสหรัฐฯ บอกว่า ข้อเสนอของบรรดาประเทศอาหรับและมุสลิม “เป็นอีกหนึ่งการสะท้อนที่ชัดเจนถึงความกังวลเกี่ยวกับความไม่เต็มใจและ/หรือความไม่สามารถของสหรัฐฯ ในการทำหน้าที่เป็นผู้รับประกันความมั่นคงในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพันธมิตรทางทหารอาหรับดั้งเดิม”
อิบิชเผยอีกว่า โลกอาหรับกำลังมุ่งไปสู่ความร่วมมือแบบที่สหรัฐฯ สนับสนุนมาอย่างยาวนาน แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือ สหรัฐฯ คาดการณ์ไว้ว่าจะมีพันธมิตรอาหรับ-อิสราเอลไว้ต่อต้านอิหร่าน แต่กลับกลายเป็นว่าอิสราเอลกลับกลายเป็นภัยคุกคามเสียเอง
นักวิชาการรายนี้มองว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องแลกมาด้วยอิทธิพลอันมหาศาลของสหรัฐฯ” และเตือนว่า “สหรัฐฯ อาจไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในท้ายที่สุด แต่หากพวกเขาไม่ดำเนินการเพื่อหยุดยั้งมันตอนนี้ พวกเขาก็จะไม่สามารถหยุดยั้งมันได้อีกในภายหลัง”
แม้ว่าการพูดคุยกันเกี่ยวกับนาโตอาหรับยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่ความร่วมมือดังกล่าวอาจเปลี่ยนระบบนิเวศการป้องกันประเทศในภูมิภาค จากซัพพลายเออร์ตะวันตกไปสู่ระบบที่ออกแบบโดยจีนซึ่งมีอยู่ในกองทัพอาหรับหลายแห่งอยู่แล้ว
นาโตอาหรับจะต้องการทั้งระบบอาวุธ โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร และการฝึกอบรมอย่างมหาศาล ซึ่งอาจเปิดประตูให้จีน ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ด้านการป้องกันประเทศที่แข็งแกร่งให้ตะวันออกกลางอยู่แล้ว เข้ามาให้การสนับสนุนทางเทคนิคได้
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตอาวุธจากจีนได้จำหน่ายระบบต่างๆ ไปทั่วโลกอาหรับ อาทิ ในซาอุดีอาระเบียที่ใช้ขีปนาวุธ DF-3 และ DF-21 ไปจนถึงโดรน Wing Loong II ที่ใช้ในเยเมน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซื้อโดรน CH-4 ที่คล้ายกับโดรน MQ-9 Reaper ของสหรัฐฯ และปืนใหญ่และระบบขีปนาวุธของบริษัท Norinco ส่นอียิปต์นำเข้าโดรน Wing Loong อุปกรณ์เรดาร์ และเรือคอร์เวตต์ติดตั้งขีปนาวุธ
ข้อมูลของสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่า การส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนไปตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2015 โดยเฉพาะโดรนและระบบขีปนาวุธ
บริษัทอาวุธของจีนมียุทโธปกรณ์แบบครบวงจรครอบคลุมความต้องการต่างๆ ตั้งแต่เครือข่ายเรดาร์ไปจนถึงโดรนและขีปนาวุธที่โจมตีแม่นยำ หากประเทศอาหรับต้องการ ซัพพลายเออร์จีนก็มีศักยภาพเพียงพอ
นอกจากนี้ ปากีสถานที่เป็นพันธมิตรกับประเทศในอ่าวเปอร์เซียมายาวนานยังอาจเป็นตัวเชื่อมจีนกับอาหรับ กองทัพปากีสถานใช้ระบบอาวุธที่จีนผลิตหลายอย่าง รวมทั้งเครื่องบินรบ JF-17 Thunder ระบบป้องกันภัยทางอากาศ HQ-9 และโดรน
หากกลุ่มพันธมิตรอาหรับทำงานร่วมกับปากีสถาน ก็สามารถอาศัยเทคโนโลยีการป้องกันประเทศของจีนในการร่วมมือกันได้
อันที่จริงแนวคิดเรื่องนาโตอาหรับไม่ใช่เรื่องใหม่ ช่วงทศวรรษ 1950 สันนิบาตอาหรับก่อตั้งตณะมนตรีป้องกันร่วมขึ้นมา แต่ความเห็นไม่ตรงกันระหว่างประเทศสมาชิกทำให้คณะมนตรีนี้ล้มเหลว ต่อมาปี 2015 อียิปต์เสนอให้จัดตั้งกองกำลังทหารร่วมอาหรับเพื่อจัดการกับปัญหาในเยเมนและลิเบีย หลายประเทศรับปากจะสนับสนุน แต่การโต้เถียงว่าใครจะเป็นผู้นำและจะจัดหาเงินทุนอย่างไร ก็ทำให้แผนดังกล่าวต้องหยุดลง
แต่ในครั้งนี้เงื่อนไขต่างๆ เอื้ออำนวยกว่าในอดีต หากประเทศสมาชิกยอมรับข้อเสนอ ข้อตกลงการป้องกันประเทศร่วมกันของประเทศอาหรับอาจเปลี่ยนสมดุลอำนาจในตะวันออกกลางได้ ขณะเดียวกันก็ทดสอบบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้รับประกันความมั่นคงของภูมิภาคด้วย
Photo by Brendan SMIALOWSKI / AFP