ครบรอบ 2 ปีสงครามอิสราเอล-ฮามาส ท่ามกลางสถานการณ์ที่กลุ่มฮามาส และอิสราเอลกำลังเจรจาทางอ้อมเพื่อยุติสงครามในฉนวนกาซาที่ดำเนินมา 2 ปี ภายใต้แผนสันติภาพที่สหรัฐฯ เสนอ
เมื่อ 2 ปีก่อน ณ ช่วงเวลาปิดท้ายเทศกาลซุกโคตของชาวยิว กลุ่มติดอาวุธฮามาสได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลอย่างกะทันหัน ทำให้วันที่ 7 ต.ค.2023 เป็นวันที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
กลุ่มฮามาสบุกทะลวงพรมแดนระหว่างกาซาและอิสราเอล โจมตีชุมชนทางตอนใต้ของอิสราเอล และงานเทศกาลดนตรีกลางทะเลทรายด้วยอาวุธปืน จรวด และระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,219 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ซึ่งอ้างอิงจากตัวเลขอย่างเป็นทางการของอิสราเอล
นอกจากนี้ กลุ่มติดอาวุธยังได้ลักพาตัวตัวประกัน 251 คนเข้าไปในฉนวนกาซา ซึ่ง 47 คนยังคงถูกจับกุมตัว รวมถึง 25 คนที่กองทัพอิสราเอลระบุว่า ‘เสียชีวิตแล้ว’
อิสราเอลกำหนดจัดงานรำลึกเหตุการณ์ดังกล่าวในวันอังคารนี้ (7 ต.ค.) โดยครอบครัวและมิตรสหายของผู้เสียชีวิตในเทศกาลดนตรีโนวาจะรวมตัวกัน ณ สถานที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ จะยังมีพิธีรำลึกอีกครั้งที่จัตุรัสตัวประกันในเทลอาวีฟ ซึ่งมีการชุมนุมประท้วงทุกสัปดาห์เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวเชลยศึก
ที่ผ่านมา การตอบโต้ของอิสราเอลในฉนวนกาซาทั้งทางอากาศ ทางบก และทางทะเลยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้เกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่และทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตหลายหมื่นคน
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นเหตุการณ์ที่ยากลำบากและใหญ่หลวงมาก แต่เราอยากมีชีวิตอยู่ และแม้จะต้องเผชิญกับทุกสิ่ง เราก็ยังจะดำเนินชีวิตต่อไป รำลึกถึงผู้ที่อยู่ที่นี่ และน่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้อยู่กับเราแล้ว”
— เอลาด แกนซ์ ครูคนหนึ่งกล่าวกับ AFP ขณะไว้อาลัยผู้เสียชีวิต
กระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮามาสระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 67,160 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สหประชาชาติระบุว่า ‘น่าเชื่อถือ’ แม้ข้อมูลของพวกเขาจะไม่ได้แยกแยะระหว่างพลเรือนและนักรบ แต่บ่งชี้ว่า ‘ผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งเป็นผู้หญิงและเด็ก’
ในขณะนี้ ชุมชนทั้งหมดถูกทำลายราบคาบ บ้านเรือน โรงพยาบาล โรงเรียน และระบบประปาพังทลาย ชาวกาซาหลายแสนคนไร้บ้านต้องหลบภัยอยู่ในค่ายผู้อพยพที่แออัด และพื้นที่โล่งที่แทบจะไม่มีอาหาร น้ำ หรือสุขอนามัยเข้าถึง
“เราสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในสงครามครั้งนี้ ทั้งบ้านเรือน สมาชิกในครอบครัว เพื่อนฝูง และเพื่อนบ้าน...ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะมีประกาศ ‘หยุดยิง’ และรอให้การนองเลือด รวมถึงความตายที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้ ‘ยุติลง’...ไม่มีอะไรเหลืออยู่นอกจากการทำลายล้าง”
— ฮานัน โมฮัมเหม็ด วัย 36 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย กล่าว
จากผลสำรวจล่าสุดของสถาบันเพื่อการศึกษาความมั่นคงแห่งชาติพบว่า 72% ของประชาชนชาวอิสราเอล ‘ไม่พอใจ’ กับการจัดการสงครามของรัฐบาลหลังจากความขัดแย้งดำเนินมา 2 ปี
ขณะนี้ทั้งอิสราเอลและฮามาสกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากนานาชาติที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อยุติสงคราม โดยเมื่อเดือนที่แล้วมีการสอบสวนของสหประชาชาติซึ่งระบุว่า “อิสราเอลก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา” ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาฮามาสว่า “ก่ออาชญากรรมสงครามในการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม” ซึ่งทั้งสองฝ่ายปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยแผน 20 ข้อที่เรียกร้องให้ ‘หยุดยิงทันที’ หากฮามาสปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมด ปลดอาวุธของกลุ่ม และถอนกำลังอิสราเอลออกจากฉนวนกาซาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การเจรจาทางอ้อมเริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ (6 ต.ค.) ที่เมืองชาร์ม เอล-ชีค ประเทศอียิปต์ โดยผู้ไกล่เกลี่ยจะเดินทางไปมาระหว่างคณะผู้แทนภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
สำนักข่าว Al-Qahera News ที่เชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองของอียิปต์ ระบุว่า การหารือมุ่งเน้นไปที่ “การเตรียมสภาพพื้นฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนตัวประกันกับนักโทษภายใต้แผนของทรัมป์” ขณะที่แหล่งข่าวชาวปาเลสไตน์ที่ใกล้ชิดกับผู้เจรจาของฮามาสกล่าวว่า “การเจรจา...อาจใช้เวลาหลายวัน”
“ผมคิดว่าเราใกล้บรรลุข้อตกลงแล้ว...ผมคิดว่าตอนนี้มีการแสดงความปรารถนาดีกันอย่างมาก จริงๆ แล้วมันน่าทึ่งมาก”
— ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวกับ Newsmax TV
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะยินดีกับข้อเสนอของทรัมป์ แต่การบรรลุข้อตกลงในรายละเอียดคาดว่าจะเป็นภารกิจที่ ‘ยากลำบาก’ ก่อนหน้านี้ สงครามได้ยุติลงด้วยการหยุดยิง 2 ครั้ง ซึ่งทำให้สามารถปล่อยตัวตัวประกันได้หลายสิบคน
(Photo by Tobias Schwarz / AFP)


