ภาพถ่ายดาวเทียมที่สำนักข่าว AFP วิเคราะห์เผยให้เห็นว่า การปราบปรามทางทหารของกองทัพเมียนมาได้สร้างความเสียหายบางส่วนให้กับแหล่งฉ้อโกงขนาดใหญ่ในเมียนมา แต่ถึงกระนั้น อาคารส่วนใหญ่ก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตามภาพที่ถ่ายจนถึงวันอาทิตย์ (9 พ.ย.)
“ภาพเหล่านี้เป็นหลักฐานว่าปฏิบัติการโจมตีของกองทัพถูกจำกัดไว้เพื่อรักษาอุตสาหกรรมผิดกฎหมายที่ทำกำไรมหาศาลนี้ไว้ แต่กลับถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางเพื่อบ่งชี้ว่ามีการดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง”
— ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง เผย
การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของ KK Park หนึ่งในศูนย์การฉ้อโกงที่มีชื่อเสียงที่สุดในพื้นที่ชายแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองอย่างหลวมๆ ของเมียนมา แสดงให้เห็นความเสียหายล่าสุดของอาคารประมาณ 100 หลัง ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของอาคารทั้งหมด
การสืบสวนของ AFP ในเดือนตุลาคมเผยให้เห็นว่า “การก่อสร้างที่ KK Park ยังคงดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วหลังจากการปราบปรามที่ได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าธุรกิจตลาดมืดยังคงเฟื่องฟู”
ต่อมากองทัพได้ประกาศปฏิบัติการโจมตีอีกครั้ง โดยหนังสือพิมพ์ The Global New Light of Myanmar ของรัฐรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (9 พ.ย.) ว่า “ขณะนี้ อาคารทั้งหมดกำลังถูกรื้อถอน”
ภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัทถ่ายภาพโลก ‘Planet Labs PBC’ ซึ่งถ่ายระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึงวันอาทิตย์ (9 พ.ย.) แสดงให้เห็นว่า อาคาร 22 หลังถูกทำลาย และอีกประมาณ 80 หลังได้รับความเสียหาย
จากภาพถ่ายดาวเทียม ดูเหมือนจะไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นในบริเวณใจกลางของคอมเพล็กซ์ ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่พื้นที่บางส่วนถูกปกคลุมด้วยเมฆ จึงไม่สามารถวิเคราะห์ภาพได้ อีกทั้งภาพถ่ายดาวเทียมก็ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสียหายได้เพียงจำกัด
ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับ KK Park เล่าว่า ได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะๆ นับตั้งแต่มีการประกาศปฏิบัติการโจมตีครั้งล่าสุด ประกอบกับโทรทัศน์ของรัฐก็ได้เผยแพร่ภาพการทำลายอาคารด้วยการระเบิด และการรื้อถอนโดยใช้รถขุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่ เจสัน ทาวเวอร์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสขององค์กรที่ต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Global Initiative Against Transnational Organized Crime - GI-TOC) บอกกับสำนักข่าว AFP ว่า “กองทัพกำลังประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีการปราบปราม KK Park จริงจัง”
กองทัพเมียนมาปกครองประเทศนับตั้งแต่การยึดอำนาจจากการรัฐประหารในปี 2021 ซึ่งก่อให้เกิดสงครามกลางเมือง และถูกกล่าวหาว่าได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มติดอาวุธที่มีอำนาจ โดยกองทัพปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้แสวงหาผลประโยชน์จากเครือข่ายหลอกหลวง
“จีน ผู้สนับสนุนหลักระดับนานาชาติของรัฐบาลทหาร ได้กดดันให้ปิดศูนย์เครือข่ายเหล่านี้ ซึ่งรัฐบาลต้องถ่วงดุลเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับทั้งจีนและกลุ่มติดอาวุธในประเทศเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”
— นักวิเคราะห์ กล่าว
ทั้งนี้ พบว่า คนงานในศูนย์เครือข่ายหลอกลวงหลายคนเต็มใจที่จะทำงาน ในขณะที่บางคนอ้างว่าพวกเขาถูกค้ามนุษย์โดยกลุ่มอาชญากรที่มุ่งเป้าไปที่เหยื่อชาวต่างชาติ ตั้งแต่ผู้จัดการธนาคารที่หลงกลเชื่อได้ง่ายไปจนถึงแม่บ้านที่เป็นม่าย
แม้ว่าความวุ่นวายในปัจจุบันจะทำให้คนงานประมาณ 1,500 คนต้องหลบหนีข้ามชายแดนมายังประเทศไทย แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “น่าจะมีคนงานอีกจำนวนมากที่ยังคงทำงานอยู่และไปทำงานที่ศูนย์หลอกลวงอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง”
“คำกล่าวอ้างของกองทัพเมียนมาที่บอกว่าได้ทำลายล้างเครือข่ายหลอกลวงแล้วนั้นไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง”
— ทาวเวอร์ กล่าว
(Photo by : HANDOUT / 2025 PLANET LABS PBC / AFP)
