ซุนดาร์ พิชัย ประธานกรรมการบริหารของ Google ให้สัมภาษณ์พิเศษว่า “ผู้คน ‘ไม่ควรเชื่อ’ ทุกสิ่งที่เครื่องมือ AI บอกอย่างงมงาย...โมเดล AI ‘มีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด’” และกระตุ้นให้ผู้คนใช้เครื่องมือ AI ควบคู่ไปกับเครื่องมืออื่นๆ
“สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีระบบนิเวศข้อมูลที่สมบูรณ์ แทนที่จะพึ่งพาเทคโนโลยี AI เพียงอย่างเดียว นี่คือเหตุผลที่ผู้คนใช้ Google Search และเรามีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เน้นการให้ข้อมูลที่แม่นยำมากกว่า” พิชัย กล่าว
“เรารู้ว่าระบบเหล่านี้สร้างคำตอบ และพวกมันสร้างคำตอบเพื่อเอาใจเรา ซึ่งนั่นแหละปัญหา มันก็โอเคถ้าฉันจะถามว่า ‘ฉันควรดูหนังเรื่องอะไรต่อไป’ แต่มันค่อนข้างต่างออกไปถ้าฉันจะถามคำถามที่ละเอียดอ่อนจริงๆ เกี่ยวกับสุขภาพของฉัน จิตใจ วิทยาศาสตร์ หรือข่าวสาร”
— จีนา เนฟฟ์ ศาสตราจารย์ด้าน AI จากมหาวิทยาลัยควีนแมรีแห่งลอนดอน กล่าวในรายการ Today ของ BBC Radio 4
เนฟฟ์ยังยังเรียกร้องให้ Google รับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ AI และความแม่นยำมากขึ้น มากกว่าที่จะโยนความรับผิดชอบนี้ให้กับผู้บริโภค
วงการเทคโนโลยีต่างรอคอยการเปิดตัวโมเดล AI สำหรับผู้บริโภคของ Google รุ่นล่าสุดอย่าง ‘Gemini 3.0’ ซึ่งเริ่มกลับมาแย่งส่วนแบ่งตลาดคืนจาก ChatGPT ซึ่งโมเดลดังกล่าวเปิดตัวไปเมื่อวันอังคาร (18 พ.ย.) โดยบริษัทอ้างว่าจะเป็นการปลดล็อก ‘ยุคใหม่แห่งปัญญาประดิษฐ์’ ที่เป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์บริษัท เช่น เครื่องมือค้นหา
“Gemini 3 มีสมรรถนะอยู่ในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ทั้งในด้านความเข้าใจและตอบสนองต่อโหมดการป้อนข้อมูลต่างๆ เช่น รูปภาพ เสียง และวิดีโอ รวมถึงความสามารถในการใช้เหตุผล ‘ที่ทันสมัยที่สุด’”
— บริษัท ระบุ
ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ Google ได้เริ่มเปิดตัว ‘โหมด AI’ ใหม่ในเครื่องมือค้นหา โดยผสานรวมแชทบอท Gemini ซึ่งมุ่งให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์เหมือนพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ “การผสานรวม Gemini เข้ากับการค้นหาเป็นสัญญาณของ ‘การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่’ ของแพลตฟอร์ม AI” พิชัย กล่าว
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่จะรักษาความสามารถในการแข่งขันกับบริการ AI อย่าง ChatGPT ซึ่งเคยคุกคามความเป็นผู้นำด้านการค้นหาออนไลน์ของ Google
พิชัยกล่าวว่า “มีความตึงเครียดระหว่างความเร็วของการพัฒนาเทคโนโลยี กับการสร้างมาตรการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น”
สำหรับ ‘Alphabet’ บริษัทแม่ของ Google นั้น พิชัย เผยว่า “การจัดการความตึงเครียดนั้นเป็นความกล้าหาญ และความรับผิดชอบในเวลาเดียวกัน ดังนั้น เราจึงกำลังก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าผู้บริโภคของเรากำลังเรียกร้องสิ่งนี้”
พิชัยยังเสริมว่า “บริษัท Alphabet ได้เพิ่มการลงทุนด้านความปลอดภัยของ AI ตามสัดส่วนกับการลงทุนใน AI เพิ่มขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น เราเป็นเทคโนโลยีโอเพนซอร์สที่จะช่วยให้คุณตรวจจับได้ว่าภาพนั้นถูกสร้างขึ้นโดย AI หรือไม่”
เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดเก่าๆ ของมหาเศรษฐีเทคโนโลยีอย่าง อีลอน มัสก์ ถึงผู้ก่อตั้ง OpenAI เกี่ยวกับความกลัวว่า “‘DeepMind’ ซึ่งปัจจุบัน Google เป็นเจ้าของ อาจสร้าง ‘เผด็จการ’ ด้าน AI” พิชัยก็ตอบว่า “ไม่มีบริษัทใดควรเป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่ทรงพลังอย่าง AI”
(Photo by Ludovic MARIN / AFP)



