ความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างญี่ปุ่นและจีนยิ่งย่ำแย่ลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจาก ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของญี่ปุ่น แสดงความกังวลเกี่ยวกับการโจมตีไต้หวันของจีน แม้ทั้งสองฝ่ายต่างประท้วง แต่ญี่ปุ่นยังคงยืนยันว่า จุดยืนที่ยึดถือกันมานานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง จนล่าสุดทางการจีนแนะนำประชาชนหลีกเลี่ยงเดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว
ทาคาอิจิพูดอะไร?
ก่อนก้าวสู่อำนาจเมื่อเดือนที่แล้ว ทาคาอิจิ ลูกศิษย์ทางการเมืองของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ เคยวิพากษ์วิจารณ์จีนและกำลังทหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างเปิดเผย
เธอมักไปเยี่ยมชมศาลเจ้ายาสุกุนิที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามของญี่ปุ่น รวมถึงผู้กระทำความผิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งประเทศต่างๆ ในเอเชียมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของอดีตทางการทหารของญี่ปุ่น
นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นเคยเดินทางเยือนไต้หวันมาแล้ว และได้พบกับตัวแทนของไทเปในการประชุมสุดยอดเอเปคเมื่อเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ เธอยังได้หารือกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนในงานเดียวกันนี้ด้วย
คำพูดของทาคาอิจิเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ถูกตีความอย่างกว้างขวางว่า บ่งชี้ว่าการโจมตีไต้หวัน ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะที่ใกล้ที่สุดของญี่ปุ่นเพียง 100 กิโลเมตร อาจสมควรได้รับการสนับสนุนทางทหารจากญี่ปุ่น
หากสถานการณ์ฉุกเฉินในไต้หวันเกี่ยวข้องกับ “เรือประจัญบานและการใช้กำลัง นั่นอาจถือเป็นสถานการณ์ที่คุกคามความอยู่รอด (ของญี่ปุ่น) ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน” ทาคาอิจิกล่าวต่อรัฐสภา
“สถานการณ์ฉุกเฉินของไต้หวันนั้นร้ายแรงมากจนเราต้องคาดการณ์สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด” ทาคาอิจิกล่าว
กฎเกณฑ์ที่ญี่ปุ่นกำหนดขึ้นเองระบุว่า ญี่ปุ่นสามารถดำเนินการทางทหารได้ภายใต้เงื่อนไขบางประการ รวมถึงภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่
หวังหงเหริน นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกงในไต้หวันเผยกับ AFP ว่า ความคิดเห็นดังกล่าว “ส่งสารที่หนักแน่นอย่างยิ่งไปยังจีนว่า ญี่ปุ่นไม่ได้แค่ยืนดูเฉยๆ อีกต่อไป ความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงเพื่อยับยั้งจีนและป้องกันไม่ให้จีนดำเนินการทางทหารใดๆ รอบช่องแคบไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างมาก”
จีนตอบสนองอย่างไร?
ปักกิ่งยืนยันว่าไต้หวัน ซึ่งถูกญี่ปุ่นยึดครองมานานหลายทศวรรษจนถึงปี 1945 เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของจีน และยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังเพื่อยึดครอง
ในโพสต์บน X ซึ่งขณะนี้ถูกลบไปแล้ว เสวียเจี้ยน กงสุลใหญ่จีนประจำโอซากาขู่ว่า จะ “ตัดคอสกปรกนั่น” ซึ่งดูเหมือนจะหมายถึงทาคาอิจิ
ญี่ปุ่นได้ยื่นประท้วง และพรรครัฐบาลของทาคาอิจิได้ผ่านมติเรียกร้องให้ประกาศให้ทูตผู้นี้ “เป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา”
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Yuyuan Tantian สำนักข่าวจีนที่เชื่อมโยงกับสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐรายงานว่า ทาคาอิจิ “จะต้องรับผิดชอบ” คำพูดของเธอ
กระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องให้ญี่ปุ่น “ถอนคำพูดที่ไม่เป็นธรรม” ในวันพฤหัสบดี โดยเตือนว่า “ผลที่ตามมา... ฝ่ายญี่ปุ่นต้องแบกรับ”
หนึ่งวันถัดมา จีนเรียกเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นเข้าพบ “เพื่อดำเนินการอย่างเด็ดขาด” เกี่ยวกับ “คำพูดที่ผิดพลาด” ดังกล่าว
กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า “หากใครกล้าแทรกแซงอุดมการณ์การรวมชาติของจีนไม่ว่าในรูปแบบใด จีนจะตอบโต้กลับอย่างหนัก”
ญี่ปุ่นตอบโต้โดยระบุว่า จุดยืนของญี่ปุ่นต่อไต้หวัน “ไม่เปลี่ยนแปลง” และยังคงเรียกร้อง “สันติภาพและเสถียรภาพ” ในช่องแคบไต้หวันต่อไป
วันศุกร์ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเรียกเอกอัครราชทูตจีนเข้าพบเพื่อประท้วงคำขู่ “ที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” ของเสวีย
สถานทูตจีนประจำญี่ปุ่นโพสต์ข้อความออนไลน์เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ เตือนพลเมืองจีนไม่ให้เดินทางไปญี่ปุ่น
โพสต์บน WeChat ระบุว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้นำญี่ปุ่นได้แสดงความคิดเห็นที่ยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งเกี่ยวกับไต้หวัน ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบรรยากาศการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน” สถานการณ์นี้ “ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อความปลอดภัยส่วนบุคคลและชีวิตของพลเมืองจีนในญี่ปุ่น” กระทรวงการต่างประเทศ สถานทูต และสถานกงสุลจีนประจำญี่ปุ่น ขอเตือนพลเมืองจีนอย่างจริงจังให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่นในอนาคตอันใกล้นี้
วันเสาร์สายการบินขนาดใหญ่ที่สุดของจีนได้เสนอการคืนเงินเต็มจำนวนสำหรับเที่ยวบินในเส้นทางญี่ปุ่นก่อนสิ้นปีนี้
สายการบินแอร์ไชนา ไชนาเซาเทิร์น และไชนาอีสเทิร์น ต่างออกแถลงการณ์แยกกันเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ถือตั๋วสามารถคืนเงินหรือเปลี่ยนแปลงกำหนดการเดินทางในญี่ปุ่นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวบินตั้งแต่วันเสาร์จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม
ญี่ปุ่นตอบโต้อย่างไร?
มิโนรุ คิฮาระ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นตอบโต้แถลงการณ์ดังกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาโดยระบุว่า คำสั่งของปักกิ่งนั้น “ไม่สอดคล้องกับการส่งเสริมความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์และผลประโยชน์ร่วมกัน” รัฐบาลญี่ปุ่นร้องขอให้ฝ่ายจีนดำเนิน “มาตรการที่เหมาะสม”
ทำเรื่องเรื่องนี้ถึงสำคัญ?
โตเกียวฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับปักกิ่งเมื่อปี 1972 แต่ความสัมพันธ์กลับถูกปัญหาทางประวัติศาสตร์กัดกร่อนมานาน ญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อันดีกับไต้หวันเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนก่อนๆ ต่างหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับการป้องกันประเทศของไต้หวัน โดยเลือกที่จะรักษา “ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์” ไว้แทน
ในทำนองเดียวกัน สหรัฐฯ มีความคลุมเครือมาอย่างยาวนานว่าจะส่งกำลังทหารไปป้องกันไต้หวันหรือไม่ แม้ว่าอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะเคยเสนอแนะหลายครั้งว่าเขาจะสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ เข้าแทรกแซงหากจีนเคลื่อนไหวบนเกาะแห่งนี้
ยีกวงเหิง ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวบอกกับ AFP ว่า ความคิดเห็นของทาคาอิจิอาจเป็น “ความโน้มเอียงส่วนตัว” ของเธอที่จะส่งสัญญาณจุดยืนที่เข้มแข็งขึ้น และยังเตือนด้วยว่า “ต้องสร้างสมดุลที่ละเอียดอ่อนกับอีกด้านหนึ่งของเหรียญ ซึ่งทำให้อีกฝ่ายต้องคาดเดาด้วย”
Photo by STR / JAPAN POOL / JIJI PRESS / AFP



