การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกำลังทำให้การเดินทางโดยเครื่องบินมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เมื่อความแปรปรวนในอากาศ (Air Turbulence) รุนแรงมากขึ้นตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ Clear-Air Turbulence ที่มองไม่เห็นแต่อันตรายที่สุดต่อผู้โดยสาร
การศึกษาของ Mohamed Foudad นักวิทยาศาสตร์ด้านบรรยากาศจากมหาวิทยาลัย Reading ในสหราชอาณาจักร วิเคราะห์ข้อมูลระหว่าง 1980-2021 พบว่า ความแปรปรวนเพิ่มขึ้นชัดเจนในหลายภูมิภาค รวมถึงแอตแลนติกเหนือ อเมริกาเหนือ เอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 60-155%
สาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
ความแปรปรวนประเภท Clear-Air Turbulence (CAT) เป็นประเภทที่อันตรายที่สุด เพราะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรือเรดาร์ ความปแรปรวนชนิดนี้เกิดจาก Jet Stream กระแสลมความเร็วสูงในบรรยากาศชั้นบนที่ระดับความสูงเดียวกับเครื่องบินโดยสาร ประมาณ 10-12 กิโลเมตร ส่งผลให้ความเร็วของ Jet Stream และ Wind Shear เพิ่มขึ้น
ผลกระทบต่อความปลอดภัย
ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า ความแปรปรวนเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุในเที่ยวบินจากสภาพอากาศ ระหว่าง 2009-2024 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 207 คนในเที่ยวบินพาณิชย์สหรัฐอมริกา John Abraham ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัย St. Thomas อธิบายว่า การบาดเจ็บมักเกิดกับผู้โดยสารที่ไม่คาดเข็มขัดหรือลูกเรือ มากกว่าความเสียหายของตัวเครื่อง
แนวโน้มอนาคต
การศึกษาของ Isabel Smith จากมหาวิทยาลัย Reading ปี 2023 พบว่า อุณหภูมิใกล้พื้นผิวโลกเพิ่มขึ้นทุก 1°C จะทำให้ความแปรปรวน CAT ระดับปานกลางในแอตแลนติกเหนือเพิ่มขึ้น 9% ในฤดูหนาว และ 14% ในฤดูร้อน
มาตรการรับมือ
Foudad กำลังศึกษาสองแนวทาง คือ การปรับเส้นทางบินให้หลีกเลี่ยงจุดเสี่ยงและการปรับปรุงความแม่นยำของการพยากรณ์ สายการบินบางแห่งเริ่มใช้กลยุทธ์ให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดบ่อยขึ้น และยุติการบริการในห้องโดยสารเร็วขึ้น
เทคโนโลยี LIDAR ที่ติดตั้งบนเครื่องบินกำลังได้รับการทดสอบ ซึ่งสามารถยิงเลเซอร์เข้าสู่บรรยากาศเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของความหนาแน่นอากاศและความเร็วลม อย่างไรก็ตาม การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการแก้ปัญหานี้