นักท่องเที่ยวและนักศึกษาชาวจีนต่างแสดงความเห็นที่หลากหลายต่อคำเตือนของรัฐบาลจีนเรื่องการเดินทางและการศึกษาในญี่ปุ่น ท่ามกลางความตึงเครียดทางการทูตที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งบางส่วนมองว่าสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงมากเท่าไร โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยวสูงสุด
ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากที่นายกฯ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่นได้กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า “ญี่ปุ่นอาจส่งกำลังทหารเข้ามาหากเกิดความขัดแย้งในช่องแคบไต้หวัน” จากนั้น รัฐบาลจีนจึงตอบโต้ด้วยการเรียกตัวทูตญี่ปุ่นมาเพื่อตำหนิว่า “คำพูดดังกล่าวของทาคาอิจินั้นผิดอย่างร้ายแรงและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง”
เมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศจีนได้เรียกร้องให้นักท่องเที่ยวชาวจีน ‘หลีกเลี่ยง’ การเดินทางไปญี่ปุ่น โดยอ้างถึงความกังวลด้านความปลอดภัย ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวก็ได้ออกมาเรียกร้องในทำนองเดียวกันเมื่อวันอาทิตย์ (16 พ.ย.) นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ออกคำแนะนำกระตุ้นให้ชาวจีนพิจารณาการศึกษาต่อในญี่ปุ่นอีกด้วย
เนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น สื่อของรัฐรายงานเมื่อวันจันทร์ (17 พ.ย.) ว่า “การเข้าฉายภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2 เรื่องในจีนจึงถูกเลื่อนออกไป”
อย่างไรก็ดี คำเตือนการเดินทางดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวชาวจีนแห่กันมาเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง โดยย่านใจกลางเมืองอย่างโตเกียวและเกียวโตมักขึ้นชื่อในเรื่องสีสันของใบไม้ ซึ่งจะสวยงามที่สุดตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนบางคนยังวางแผนเดินทางสำหรับวันหยุดปีใหม่ด้วย
นักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ได้กังวลต่อคำเตือน ‘ยกเลิก’ การเดินทางไปญี่ปุ่นมากนัก
หลิว ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดในกรุงปักกิ่งวัย 30 ปี กำลังวางแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรกกับกลุ่มเพื่อนในช่วงปลายเดือนนี้ บอกว่า “คำเตือนการเดินทางครั้งแรกดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่คำประกาศอื่นๆ รวมถึงข้อเสนอยกเลิกเที่ยวบินฟรีจากสายการบินใหญ่หลายแห่งทำให้คำเตือนนี้ดู ‘เป็นทางการและจริงจังมากขึ้น’”
สายการบินจีนอย่างน้อย 7 สาย รวมถึง Air China, China Southern, และ China Eastern ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (15 พ.ย.) โดยระบุว่า “จะอนุญาตให้คืนตั๋ว หรือเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทางโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการจองจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม”
หลิว บอกอีกว่า เธอจะติดตามสถานการณ์ต่อไปอีก 1 สัปดาห์ แต่ก็ยังเผื่อใจในการ ‘ยกเลิก’ ทริป แม้เธอจะบอกว่า “เรื่องความปลอดภัยส่วนบุคคลไม่ใช่สิ่งที่เธอกังวลมากนัก แต่สถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน และรู้สึกว่าความตึงเครียดทางการทูตได้สร้างแรงกดดันต่อผู้คน”
ขณะที่ ฌอน จู ชาวเซี่ยงไฮ้วัย 31 ปีซึ่งมักเดินทางไปญี่ปุ่นทั้งเพื่อพักผ่อนและธุรกิจ เผยว่า เขายังคงวางแผนที่จะฉลองปีใหม่ที่ญี่ปุ่น และเขา ‘ไม่กังวลเลย’“คำเตือนอย่างเป็นทางการฟังดูเหมือน ‘การทูตแบบนักรบหมาป่า’ (Wolf Warrior) ที่คุ้นเคยจากปักกิ่ง” จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเพื่อนของเขาคนใดยกเลิกการเดินทางเลย ขณะที่บางคนกำลังติดตามค่าโดยสารเครื่องบินเพื่อพิจารณาเดินทางไปญี่ปุ่นในกรณีที่ราคาลดลง
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคนในจีนต่างพากันแสดงความคิดเห็นว่า พวกเขา ‘ไม่ได้กังวล’ เป็นพิเศษ แต่บางคนก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการเพิกเฉยต่อคำเตือนอย่างเป็นทางการ
หนังสือพิมพ์ Asahi Shimbun ของญี่ปุ่น รายงานเมื่อวันจันทร์ (17 พ.ย.) ว่า “บริษัททัวร์จีน 2 แห่งได้ยกเลิกทัวร์กรุ๊ปทัวร์ทั้งหมดที่กำหนดไว้ในเดือนพฤศจิกายน”
จีนเป็นหนึ่งในแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติรายใหญ่ที่สุดที่เดินทางมาญี่ปุ่น โดยชาวจีนแผ่นดินใหญ่เดินทาง 7.48 ล้านครั้งในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นจำนวนสูงสุดจากต่างประเทศ หรือภูมิภาคใดๆ
ฉิน เยว่ฮั่น นักศึกษาชาวจีนในญี่ปุ่นที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้าระดับปริญญาโท กล่าวว่า เขา ‘ไม่ได้กังวล’ มากนัก เพราะความตึงเครียดดูเหมือนจะไม่แตกต่างไปจากที่เคยปะทุขึ้นก่อนหน้านี้มากนัก“ผมยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับบรรยากาศในสังคมญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่เป็นมิตรกับผม และผมยังไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใดๆ...ชาวญี่ปุ่นบางคนอาจมีความเกลียดชังชาวต่างชาติอยู่บ้าง แต่สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นความรู้สึกที่มีต่อชาวต่างชาติทุกคน ไม่ใช่แค่ชาวจีนเท่านั้น”
ฉิน บอกอีกว่า เขาไม่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแผนการเรียนปริญญาโท 2 ปีที่ญี่ปุ่น “ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นมีความผันผวนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มันอาจจะเป็นแค่เรื่องเดิมๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ”
(Photo by : GREG BAKER / AFP)



