จีนเผยการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ‘เสียหายร้ายแรง’ ขู่ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เตือนญี่ปุ่นเตรียมรับผลที่ตามมา

21 พ.ย. 2568 - 02:40

  • กระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (20 พ.ย.) ว่า “ความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีนและญี่ปุ่น ‘ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง’” พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ ญี่ปุ่นถอนคำพูดประเด็นไต้หวัน มิฉะนั้นจะต้องยอมรับผลที่ตามมา

  • “คำพูดที่ผิดพลาดอย่างเปิดเผยของนายกฯ ทาคาอิจิในประเด็นไต้หวันได้บ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นอย่างร้ายแรง และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี...” โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวในแถลงการณ์

  • ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า “มันไม่มีทางออกในทันที เว้นแต่ทาคาอิจิจะถอนคำพูดของเธอ ซึ่งเธอจะไม่ทำ เพราะนั่นเหมือนกับการฆ่าตัวตายทางการเมือง และจีนได้ยกระดับสถานการณ์ขึ้นไปสู่ระดับที่ไม่สามารถยอมถอยได้ง่ายๆ..”

จีนเผยการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ‘เสียหายร้ายแรง’ ขู่ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เตือนญี่ปุ่นเตรียมรับผลที่ตามมา

กระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (20 พ.ย.) ว่า “ความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีนและญี่ปุ่น ‘ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง’” พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ ญี่ปุ่นถอนคำพูดประเด็นไต้หวัน มิฉะนั้นจะต้องยอมรับผลที่ตามมา 

ความขัดแย้งทางการทูตระหว่างจีนและญี่ปุ่นทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่นายกฯ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่นกล่าวต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนว่า “หากจีนโจมตีไต้หวันที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ญี่ปุ่นอาจตอบโต้ทางทหาร” 

“คำพูดที่ผิดพลาดอย่างเปิดเผยของนายกฯ ทาคาอิจิในประเด็นไต้หวันได้บ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นอย่างร้ายแรง และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี หากฝ่ายญี่ปุ่นยังคงดำเนินการตามแนวทางเดิมและยังคงเดินผิดทาง จีนจะดำเนินการตามมาตรการที่จำเป็นอย่างเด็ดขาด และญี่ปุ่นจะต้องรับผลที่ตามมาทั้งหมด”

เหอ หย่งเฉียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวในแถลงการณ์   

ขณะเดียวกัน โฆษกของทาคาอิจิเผยว่า “คำพูดของทาคาอิจิในประเด็นไต้หวัน ‘ไม่ได้เปลี่ยนแปลง’ นโยบายปัจจุบันของญี่ปุ่น” ขณะที่สหรัฐฯ ยืนยันจะยืนหยัดเคียงข้างญี่ปุ่น 

ตามข้อมูลของ UN COMTRADE ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสถิติการค้าระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระบุว่า จีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจากสหรัฐฯ โดยในปี 2024 จีนซื้อสินค้าญี่ปุ่นประมาณ 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 ล้านล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุปกรณ์อุตสาหกรรม เซมิคอนดักเตอร์ และรถยนต์  

ญี่ปุ่นอาจประสบปัญหาในการหาตลาดทางเลือกอื่น หากจีนปิดประตูรับสินค้าญี่ปุ่น ขณะที่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศส่งออกใหญ่อันดับ 3 รับซื้อสินค้าเพียง 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.4 ล้านล้านบาท) ในปี 2024 

เมื่อ เหอ หย่งเฉียน ถูกถามถึงรายงานที่จีนระบุว่า “จะห้ามการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นทั้งหมด” เหอก็ตอบว่า “ไม่มีข้อมูลจะให้ในขณะนี้”   

อย่างไรก็ดี เป็นที่ทราบกันดีว่าจีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกนั้น มีประวัติการใช้มาตรการบังคับทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิเช่น : 

ในปี 2023 จีนได้ออกคำสั่ง ‘ห้ามการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นทั้งหมด’ หลังจากที่ญี่ปุ่นตัดสินใจปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก แต่สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสหประชาชาติ ออกมายืนยันแล้วว่า ‘การปล่อยน้ำดังกล่าวปลอดภัย’ 

ขณะที่ในปี 2010 จีนก็ได้ ‘ระงับ’ การส่งออกแร่แรร์เอิร์ธไปยังญี่ปุ่นเป็นเวลาประมาณ 7 สัปดาห์ หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นควบคุมตัวกัปตันเรือประมงชาวจีน ซึ่งเรือของเขาชนกับเรือของหน่วยยามฝั่งใกล้หมู่เกาะเซนกากุ ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นหมู่เกาะเตียวหยู 

“การบีบบังคับเป็นนิสัยที่เลิกยากสำหรับจีน แต่เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ ก็จะยืนหยัดเคียงข้างญี่ปุ่น เหมือนเมื่อตอนที่จีนสั่งแบนอาหารทะเลญี่ปุ่นอย่างไม่มีเหตุผลครั้งก่อน เราจะอยู่เคียงข้างพันธมิตรของเราครั้งนี้อีกครั้ง”

จอร์จ กลาส เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น โพสต์บน X เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 

แต่ตอนนี้บริษัทอาหารทะเลญี่ปุ่นกังวลว่า “ข้อจำกัดแบบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง” 

“สิ่งที่น่าหงุดหงิดคือ เรื่องที่กำลังเดินหน้ากลับกลายเป็นถอยหลังอย่างกะทันหันและด้วยลักษณะของปัญหา สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต” คาซุยะ ยามาซากิ ประธานบริษัท Sanwa Fisheries บนเกาะฮอกไกโดทางเหนือของญี่ปุ่น กล่าว ซึ่งบริษัทของเขาเคยส่งออกหอยเชลล์ประมาณ 200 ตันต่อปีไปยังจีนก่อนที่การนำเข้าจะหยุดลง  

ดูเหมือนว่า ‘ความขัดแย้ง’ นี้จะ ‘ไม่มีทางแก้ไข’ ได้ง่ายๆ 

“มันไม่มีทางออกในทันที เว้นแต่ทาคาอิจิจะถอนคำพูดของเธอ ซึ่งเธอจะไม่ทำ เพราะนั่นเหมือนกับการฆ่าตัวตายทางการเมือง และจีนได้ยกระดับสถานการณ์ขึ้นไปสู่ระดับที่ไม่สามารถยอมถอยได้ง่ายๆ...ทางออกเดียวคือ ต้องเล่นเกมระยะยาว และรอจนกว่าจีนจะเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดเช่นกัน”

โจเซฟ คราฟท์ นักวิเคราะห์การเงินและการเมืองจากสถาบัน ‘Rorschach Advisory’ ในโตเกียว กล่าว   

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเผยเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ว่า “ไม่มีแผนการพบกันนอกรอบการประชุมสุดยอด G-20 ที่แอฟริกาใต้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ระหว่างนายกฯ หลี่  เฉียง ของจีน และนายกฯ ทาคาอิจิ” 

(Photo by JAPAN POOL / JIJI PRESS / AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์