หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนเผยว่า เป็นเรื่อง “น่าตกใจ” ที่ผู้นำญี่ปุ่นส่งสัญญาณที่ผิดพลาดเกี่ยวกับไต้หวันอย่างเปิดเผย นับเป็นข้อคิดเห็นล่าสุดหลังความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศสั่นคลอนมานานกว่าสองสัปดาห์
หวังอี้ตอบโต้การเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นว่า “จีนต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาด ไม่เพียงแต่เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนเท่านั้น แต่ยังต้องปกป้องความสำเร็จหลังสงครามที่ได้มาอย่างยากลำบาก ซึ่งแลกมาด้วยเลือดเนื้อและความเสียสละ”
หากญี่ปุ่น “ยังคงดำเนินรอยตามวิถีที่ผิดและยังคงเดินต่อไปในเส้นทางนี้” ทุกประเทศและประชาชนมีสิทธิที่จะ “ทบทวนอาชญากรรมในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น” และ “หยุดยั้งการกลับมาของลัทธิทหารญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาด” หวังอี้กล่าว
หวัง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสที่สุดของจีนที่แสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับประเด็นนี้กล่าวว่า ญี่ปุ่นกำลังก้าวข้ามเส้นแดงที่ไม่ควรแตะต้อง และกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคทอิจิ ของญี่ปุ่น พยายามแทรกแซงทางการทหารกรณีไต้หวัน
ความขัดแย้งล่าสุดนี้ซึ่งเป็นวิกฤตจีน-ญี่ปุ่นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีลุกลามไปถึงความสัมพันธ์ด้านการค้าและวัฒนธรรม เมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) จีนเสนอประเด็นดังกล่าวกับ อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ โดยประกาศว่าจะปกป้องตนเอง
ในเวลาต่อมา กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของจีนว่า “เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง” และกล่าวว่า ความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นต่อสันติภาพยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ทาคาอิจิเผยกับผู้สื่อข่าวในแอฟริกาใต้หลังเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ว่า ญี่ปุ่นเปิดกว้างสำหรับการเจรจากับจีน โดยไม่ได้เอ่ยถึงคำพูดของหวังอี้หรือจดหมายถึงองค์การสหประชาชาติ
“เราไม่ได้ปิดประตู แต่สิ่งสำคัญสำหรับญี่ปุ่นคือการระบุอย่างชัดเจนว่าต้องพูดอะไร” ทาคาอิจิเผย และเสริมว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี หลี่เฉียง ของจีนซึ่งเข้าร่วมประชุม G20 ด้วย
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันประณามจดหมายที่จีนส่งถึงองค์การสหประชาชาติว่า “จดหมายฉบับนี้ไม่เพียงแต่มีเนื้อหาหยาบคายและไม่สมเหตุสมผลเท่านั้น แต่ยังบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อย่างมีเจตนาร้ายอีกด้วย นอกจากนี้ ยังละเมิดมาตรา 2(4) ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งห้ามการคุกคามหรือใช้กำลังในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย”
Photo by MOHD RASFAN / AFP



