ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำจากประเทศต่างๆ ในยูเรเซียกว่า 20 ประเทศ เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่เมืองเทียนจิน ซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายของการประชุมครั้งสำคัญที่มุ่งยกระดับบทบาทของจีนในภูมิภาค
การประชุมสุดยอด SCO เริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ณ เมืองท่าเทียนจินทางตอนเหนือของจีน ซึ่งจัดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนการสวนสนามทหารครั้งใหญ่ในกรุงปักกิ่งเพื่อระลึกถึงครบรอบ 80 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
องค์กร SCO และสมาชิกหลัก
องค์กร SCO ประกอบด้วยประเทศสมาชิกหลัก 10 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย รัสเซีย ปากีสถาน อิหร่าน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน และเบลารุส พร้อมด้วยประเทศผู้สังเกตการณ์และคู่เจรจา อีก 16 ประเทศ
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เดินทางมาถึงเทียนจินเมื่อวันอาทิตย์ พร้อมด้วยคณะผู้แทนระดับสูงทั้งทางการเมืองและธุรกิจ
การเจรจาทวิภาคีสำคัญ
สี จิ้นผิง มีการประชุมทวิภาคีต่อเนื่องกับผู้นำหลายประเทศ รวมถึงประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของปูติน และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ในการเยือนจีนครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018
โมดี กล่าวกับสี จิ้นผิงว่า อินเดียมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ศักดิ์ศรี และความละเอียดอ่อน ทั้งสองประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกเป็นคู่แข่งที่เข้มข้นในการแย่งชิงอิทธิพลในเอเชียใต้ และเคยเกิดการปะทะกันที่ชายแดนอย่างรุนแรงในปี 2020
การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์จีน-อินเดีย
ความตึงเครียดเริ่มคลี่คลายเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อโมดีพบกับสี จิ้นผิงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ณ การประชุมสุดยอดในรัสเซีย
พื้นที่ส่วนใหญ่ของเทียนจินถูกปิดการจราจร มีการนำกำลังตำรวจจำนวนมากมาประจำการทั่วเมือง โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ SCO ปรากฏตามท้องถนน แสดงคำต่างๆ เช่น ประโยชน์ร่วมกัน และความเสมอภาค เป็นภาษาจีนและรัสเซีย
จีนและรัสเซียมักนำเสนอ SCO เป็นทางเลือกแทนพันธมิตรทางทหาร NATO การประชุมสุดยอดในปีนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง ผู้นำกว่า 20 คน รวมถึงประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน แห่งอิหร่าน และประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดกัน แห่งตุรกี เข้าร่วมการประชุมครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรในปี 2001
