จีนแสดงความยินดีกับ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ คนใหม่ของไทย และกล่าวว่าจีนพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อสืบสานมิตรภาพอันดีงาม เสริมสร้างการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ กระชับความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม บรรลุความก้าวหน้าในการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน รวมถึงส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า “จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกัน ทั้งสองประเทศเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน และยังคงใกล้ชิดกันเช่นเคย ซึ่งปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ”
สื่อจีนบางสำนักรายงานข่าวการโหวตเลือก ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯ คนใหม่ของไทย และนำเสนอคำกล่าวของเขาจากการสัมภาษณ์กับสำนักข่าว CCTV เมื่อปี 2023 ซึ่งขณะนั้น เขาดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงประเทศไทยหลังจากที่จีนผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคระบาด
ในการสัมภาษณ์ครั้งนั้น เขากล่าวว่า “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นนักท่องเที่ยวจีน ผมมีเชื้อสายจีน 100% พ่อแม่ ปู่ย่าตายายทางฝั่งแม่ของผมทั้งหมดมาจากจีน ผมเกิดในประเทศไทยและมีชื่อภาษาจีน ที่บ้านเราพูดภาษาจีนกวางตุ้งทุกวัน”
“ความสัมพันธ์จีน-ไทยคาดว่าจะยังคงมีเสถียรภาพ ในอดีต ไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เสถียรภาพของความสัมพันธ์ก็ไม่เคยได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง” หลัว หย่งคุน ศาสตราจารย์จากสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สถาบันสังคมศาสตร์เซี่ยงไฮ้ ให้สัมภาษณ์กับ Global Times เมื่อวันศุกร์ (5 ก.ย.)
“กุญแจสำคัญในขณะนี้อยู่ที่ว่ารัฐบาลอนุทินจะต่อยอดรากฐานนี้อย่างไรเพื่อกระชับความร่วมมือกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและภัยคุกคามจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ การเสริมสร้างการเจรจาและความร่วมมือกับจีนไม่เพียงแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองของไทยเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต่อการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกด้วย”
— ศาสตราจารย์หลัว กล่าว
รายงานของ BBC ระบุว่า “อนุทินเป็นนักการเมืองผู้มากประสบการณ์และนักเจรจาต่อรอง เขาเป็นที่รู้จักดีจากการผลักดันร่างกฎหมาย ‘กัญชาเสรี’ ในไทยในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในปี 2022 นอกจากนี้ เขายังเป็นนักบินผู้กระตือรือร้น และมีเครื่องบินส่วนตัวถึง 3 ลำ”
“ปัจจุบัน ภาวะชะงักงันทางการเมืองของไทยคลี่คลายลงชั่วคราวแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างกลุ่มการเมืองต่างๆ ในช่วงที่แพทองธารถูกพักงานและถูกปลดนั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้งและมีความเสี่ยงสูงต่อความไม่มั่นคง การโหวตนายกฯ คนใหม่จึงช่วยคลี่คลายวิกฤตเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทางออกที่ยั่งยืน” ศาสตราจารย์หลัว กล่าวเสริม
รายงานของ AP ระบุว่า “พรรคของอนุทินได้ให้คำมั่นว่าจะ ‘ยุบสภา’ ภายใน 4 เดือนเพื่อแลกกับการสนับสนุนจากพรรคประชาชน ซึ่งพรรคประชาชนระบุด้วยว่า รัฐบาลที่นำโดยอนุทินจะต้องให้คำมั่นที่จะจัดการลงประชามติเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง”
ศาสตราจารย์หลัวกล่าวอีกว่า
“สถานการณ์ทางการเมืองของไทยยังคงซับซ้อน อนุทินจะยุบสภาหรือไม่นั้นยังไม่แน่นอน และแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ คาดว่าสภาพพรรคการเมืองจะยังคงแตกแยก โดยพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ จะสามารถกลับมาได้...ภาวะชะงักงันที่เป็นปัญหาในขณะนี้จะคลี่คลายลงชั่วคราวเท่านั้น และอนาคตยังคงเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้”
“การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยเมื่อไม่นานมานี้เป็นไปตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่การตัดสิน ‘ปลด’ แพทองธาร ไปจนถึงการโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ การยึดมั่นในกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้นี้ สะท้อนให้เห็นถึงวุฒิภาวะของระบบการเลือกตั้งของไทย และแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพโดยรวมในระดับหนึ่ง แม้จะมีความวุ่นวายทางการเมือง” ศาสตราจารย์หลัว กล่าว
(Photo by Chanakarn Laosarakham / AFP)