สื่อของรัฐเวียดนามรายงานว่า ฝนที่ตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในภาคกลางของประเทศนับตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 43 ราย และสูญหายอีก 9 ราย ขณะที่บ้านเรือนกว่า 52,000 หลังจมอยู่ใต้น้ำ ทำให้ครัวเรือนและธุรกิจกว่าครึ่งล้านไม่มีไฟฟ้าใช้
ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ปริมาณน้ำฝนพุ่งสูงเกิน 1,500 มิลลิเมตรในหลายพื้นที่ของภาคกลาง และอาจสูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุดเมื่อปี 1993 ที่ 5.2 เมตรในบางพื้นที่
หนังสือพิมพ์ VietnamNet รายงานว่า สะพานแขวนริมแม่น้ำดาหนิมในจังหวัดเลิมด่งถูกพัดหายไปเมื่อเช้าวันพฤหัสบดี (20 พ.ย.) และจมหายไปในแม่น้ำภายในไม่กี่วินาที นอกจากนี้ยังมีรายงานไฟฟ้าดับสูงสุดถึงเกิน 1 ล้านครัวเรือน แต่สามารถฟื้นฟูไฟฟ้าได้ประมาณ 615,000 ครัวเรือนแล้ว
สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติเตือนว่าจะยังคงมีน้ำท่วมและดินถล่มอีกครั้งในวันศุกร์ (21 พ.ย.) และคาดว่าฝนจะยังคงตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ภาคกลาง ทั้งนี้พบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 16 รายในจังหวัดดั๊กลัก, 14 รายในจังหวัดคั๊ญฮหว่า, 5 รายในจังหวัดซาลาย, 4 รายในจังหวัดเลิมด่ง, และอีก 2 รายในจังหวัดเถื่อเทียนเว้ และดานัง
ทางการเวียดนามประเมินว่าน้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเบื้องต้นสูงถึง 3 ล้านล้านดอง (ราว 3.6 พันล้านบาท) อีกทั้งทางการยังต้องปิดสนามบินทุยฮวาในจังหวัดฟูเอี้ยนเป็นเวลาเกือบ 14 ชั่วโมงในวันพฤหัสบดี (20 พ.ย.)
“ใครก็ตามที่อยู่ที่นี่ โปรดช่วยด้วย! พวกเราทั้งเด็กและผู้ใหญ่นั่งอยู่บนหลังคาตั้งแต่ 22.00 น.เมื่อคืน (20 พ.ย.) ที่ผ่านมา”
— ชาวบ้านในจังหวัดคั๊ญฮหว่าโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก
สำนักข่าวเวียดนามรายงานว่า “กองทัพเรือได้ส่งกำลังพลไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดค้างในหมู่บ้านคั๊ญฮหว่า” พร้อมเสริมว่า “ระดับน้ำท่วมได้พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในหลายพื้นที่”
บุ่ย ก๊วก วินห์ เจ้าของร้านอาหารเผยว่า ร้านค้าของเขาถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตรในเมืองญาจาง “ผมกังวลเฟอร์นิเจอร์ในร้านของผม แต่แน่นอนว่าตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้ ผมไม่คิดว่าน้ำจะลดลงในเร็วๆ นี้ เพราะฝนยังไม่หยุดตก”
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมเวียดนามได้ส่งกำลังพล 21,300 นาย และยานพาหนะ 838 คัน เพื่อช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งส่งเครื่องบินทหาร 4 ลำ เพื่อขนส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นหนัก 9 ตัน ไปยังพื้นที่ที่ถูกตัดขาด
เวียดนามได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเลวร้ายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมมากที่สุดในโลก โดยประชากรเกือบครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ก็เตือนว่า “สภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นกำลังทำให้พายุและฝนตกหนักขึ้นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มบ่อยครั้ง”
(Photo by : DUC THAO / AFP)
