ผู้นำเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกจะมาร่วมประชุมสุดยอด G20 ณ กรุงโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ระหว่างวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทวีปแอฟริกาได้เป็นเจ้าภาพการประชุมสำคัญแห่งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่มั่นคงทั่วโลกและความตึงเครียดระหว่างเปรโตเรียกับวอชิงตัน
การประชุม G20 ครั้งแรกในแอฟริกา
กลุมประเทศ G20 ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ประกอบด้วย 19 ประเทศและ 2 องค์กรระดับภูมิภาค คือ สหภาพยุโรปและสหภาพแอฟริกา สมาชิกของ G20 มีส่วนแบ่งจีดีพีโลกร้อยละ 85 และประชากรโลกประมาณสองในสาม แอฟริกาใต้เป็นประเทศสมาชิกเพียงประเทศเดียวจากทวีปแอฟริกา แม้ว่าสหภาพแอฟริกาจะได้รับการรับเข้าเป็นสมาชิกในปี 2566
ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความเท่าเทียม ความยั่งยืน
เปรโตเรียกำหนดหัวข้อสำคัญในการเป็นประธาน G20 ได้แก่ การเสริมสร้างความสามารถในการรับมือภัยพิบัติ ความยั่งยืนของหนี้สำหรับประเทศรายได้น้อย การสนับสนุนทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม และการใช้ประโยชน์จาก แร่ธาตุสำคัญเพื่อการเติบโตอย่างครอบคลุมและการพัฒนาที่ยั่งยืน
ทีมผู้เชี่ยวชาญที่นำโดย โจเซฟ สติลลิทซ์นักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล เสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเพื่อแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินของความเหลื่อมล้ำ ที่ทำให้ประชากร 2.3 พันล้านคนทั่วโลกอดอยาก
การบอยคอตต์ของสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศในเดือนนี้ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะไม่เข้าร่วมการประชุม และเรียกการเป็นประธาน G20 ของแอฟริกาใต้ว่า ‘น่าอับอายอย่างยิ่ง’ ทรัมป์ ได้กำหนดมาตรการภาษีนำเข้าสูงถึงร้อยละ 30 ต่อแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในแอฟริกาใต้ แม้ว่าการบอยคอตต์อาจส่งผลกระทบต่อวาระการประชุม แต่เปรโตเรียยังคงมองหาความสำเร็จของการประชุม
โจฮันเนสเบิร์กภายใต้ความสนใจ
การประชุมจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการ Nasrec อันเป็นสถานที่จัดการประชุมขนาดใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้ ตั้งอยู่ริมเขต โซเวโตอันโด่งดัง โจฮันเนสเบิร์กที่เกิดจากการไขทองในช่วงปลายทศวรรษ 1880 ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 6 ล้านคน แม้จะเป็นที่ตั้งของย่านที่ร่ำรวยที่สุดในแอฟริกา แต่ก็ประสบปัญหาโครงสร้างพื้นฐานทรุดโทรม การขาดแคลนบริการ และการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ
จุดจบของยุค‘โลกใต้’
แอฟริกาใต้จะส่งมอบการเป็นประธาน G20 ให้กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดรอบของประธาน โลกใต้ หลังจากบราซิล อินเดีย และอินโดนีเซีย ทรัมป์ ได้แสดงความตั้งใจที่จะลดบทบาทของ G20 อย่างมีนัยสำคัญ และตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของกลุ่มนี้





