การเดินทางสู่ความสำเร็จของทีมชาติไทย U23 ในรอบคัดเลือกฟุตบอลเอเชีย 2026 ภายใต้การนำทีมของโค้ชธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูลถือว่าประสบความสำเร็จและน่าภาคภูมิใจเพราะนักเตะช้างศึกชุดเล็กสามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงด้วยการเล่นที่เต็มไปด้วยจิตใจนักสู้และความมุ่งมั่นที่อยากจะประสบความสำเร็จ
วันนี้เราเลยจะมารีวิวผลงานของทีมชาติไทย U23 ในฟุตบอลเอเชียน คัพ 2026 รอบคัดเลือกกันสักหน่อย มาดูกันว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
การเดินทางในกลุ่มเอฟ: ความท้าทายและโอกาส
ทีมชาติไทย U23 จับสลากได้อยู่ในกลุ่มเอฟพร้อมกับเลบานอน, มาเลเซีย และมองโกเลีย ในรูปแบบการแข่งขันแบบพบกันทุกทีม โดยแชมป์กลุ่มและทีมอันดับสองจะได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้ายที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย
ข้อได้เปรียบสำคัญของทีมไทยคือการได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันที่สนามธรรมศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี ช่วยให้นักเตะสามารถเตรียมตัวได้อย่างสมบูรณ์และได้เล่นในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงสนามจากแผนเดิมเนื่องจากสภาพพื้นสนามแต่ทีมก็สามารถปรับตัวได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในนัดเปิดสนามทัพช้างศึกรุ่นเล็กประเดิมผลงานได้อย่างสวยงามด้วยการถล่มทีมชาติมองโกเลีย 6-0 สร้างความมั่นใจให้กับทีมและสร้างความได้เปรียบเรื่องผลต่างประตู
ทดสอบจิตใจนักสู้ในเกมกับเลบานอนและมาเลเซีย
เกมที่สองเป็นการทดสอบที่แท้จริงสำหรับทีมชาติไทย U23 เมื่อเจอกับเลบานอน ผลจบลงด้วยสกอร์เสมอ 2-2 อย่างน่าตื่นเต้น แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของทั้งสองทีมรวมไปถึงจิตใจอันแข็งแกร่งของนักเตะไทย
เลบานอนได้ประตูนำก่อนในนาทีที่ 47 โดย ฟาฮัต ทำให้ทีมไทยต้องเล่นในสถานการณ์ตามหลัง สิ่งนี้เป็นการทดสอบความแกร่งทางจิตใจของนักเตะช้างศึกรุ่นเล็กแต่การตอบสนองของทีมก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้ที่โค้ชวังปลูกฝังมาเป็นอย่างดี
จากนั้น เสกสรรค์ ราตรี เป็นผู้ยิงประตูเสมอให้ทีม แม้ไทยจะขึ้นนำได้ในช่วงหลังแต่น่าเสียดายที่มาโดนเลบานอนก็ตีเสมอได้ในนาทีที่ 84 แต่นักเตะช้างศึก U23 ก็แสดงให้เห็นว่าในเกมที่ต้องการผลการแข่งขันพวกเขาก็มีความนิ่งพอที่จะทำตามแทคติกที่โค้ชต้องการได้
เกมสุดท้ายกับมาเลเซียก็เช่นเดียวกันเพราะเป็นเกมที่จะตัดสินว่าเราจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ไหม เงื่อนไขเดียวคือต้องชนะเท่านั้นท่ามกลางเกมการแข่งขันที่ถูกเลื่อนออกไปช้ากว่าเดิมเพราะฝนตกหนักส่งผลให้สภาพสนามเล่นยากกว่าเดิม
คคนะ คำยก เป็นฮีโร่ของไทยด้วยการทำ 2 ประตู เริ่มจากประตูขึ้นนำในนาทีที่ 34 ที่แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมของเขา หลังจากนั้นมาเลเซียไล่ตีเสมอได้ในนาทีที่ 44 ซึ่งเริ่มทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเพราะเราต้องการแค่ชัยชนะอย่างเดียว และในแมตช์ที่เราครองเกมมากกว่าเกมทำท่าที่จะจบด้วยผลเสมออยู่แล้วแต่สุดท้าย ยศกร บูรพา ก็จ่ายบอลให้ คคนะ คำยก คนเดิมซัดประตูสุดสวยเข้าไปในนาทีที่ 92 ทำให้เป็นประตูชัยและส่งให้เราผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายที่ซาอุดีอาระเบียได้สำเร็จ
สิ่งที่รอคอยอยู่ในรอบสุดท้าย
ความสำเร็จในรอบคัดเลือกครั้งนี้ไม่ใช่แค่การได้ตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายแต่เป็นการยืนยันถึงทิศทางการพัฒนาที่ถูกต้องของฟุตบอลไทยในระดับเยาวชน นักเตะที่โดดเด่นออกมาจากทัวร์นาเมนต์นี้มีศักยภาพที่จะกลายเป็นแกนหลักของทีมชาติไทยชุดใหญ่ในอนาคตอย่างเช่น เสกสรรค์ ราตรี ที่กลายเป็นผู้นำของทีมชุดนี้ และ คคนะ คำยก ที่เล่นภายใต้ความกดดันได้เป็นอย่างดี
ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเล่นในสถานการณ์กดดันและการเอาชนะความท้าทายต่างๆ จะเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับการแข่งขันในรอบสุดท้าย ความมั่นใจที่เกิดขึ้นจากการเป็นแชมป์กลุ่มจะช่วยให้ทีมชาติไทยเข้าสู่การแข่งขันด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือเมื่อดาวรุ่งเหล่านี้เติบโตขึ้นและได้รับประสบการณ์เพิ่มเติมจากการแข่งขันระดับสูงพวกเขาจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ฟุตบอลไทยก้าวสู่มิติใหม่ได้หรือไม่?