‘หงส์’ เจอยิงนาทีบาป พ่ายนัดแรก! ผีกลับมาแพ้ ปืนชนะแต้มจี้จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบนัดที่หก

30 ก.ย. 2568 - 11:01

  • พรีเมียร์ลีก 2025/26 จบนัดที่หกด้วยความพ่ายแพ้นัดแรกของทัพ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล โดยพวกเขาโดน คริสตัล พาเลซ ยิงแซงนาทีบาปสุดดราม่า

  • ส่วนคู่อื่นๆ แมนฯ ยูไนเต็ดกลับมาแพ้อีกแล้ว เชลซีโดนไล่ออกกับแพ้สองเกมติด และอาร์เซนอลเฮช่วงท้ายเกม ไล่จี้ลิเวอร์พูลเหลือ 2 แต้ม

‘หงส์’ เจอยิงนาทีบาป พ่ายนัดแรก! ผีกลับมาแพ้ ปืนชนะแต้มจี้จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบนัดที่หก

พรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบสัปดาห์ที่หก ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล แพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาลแล้วเรียบร้อย โดยผู้ยัดเยียดความปราชัยแก่พวกเขาคือคริสตัล พาเลซ ในขณะที่สองทีมคู่บิ๊กแมตช์จากสัปดาห์ที่แล้วอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี พ่ายแพ้ทั้งคู่ ส่วนอาร์เซนอลพลิกแซงนิวคาสเซิลในนาทีบาปแบบสุดดราม่าพร้อมทำแต้มไล่จี้จ่าฝูงเหลือ 2 คะแนน 

Sixth-match-Premier-League-wrap-up-SPACEBAR-Photo02.jpg

‘หงส์’ สะดุดนัดแรกแล้ว 

หลังจากที่ลิเวอร์พูลเริ่มต้นฤดูกาลแบบสุดเพอร์เฟกต์มาตลอด 5 นัดในพรีเมียร์ลีก 2025/26 ด้วยการคว้าชัย 5 นัดรวดเก็บไป 15 คะแนนเต็มสมราคาทีมแชมป์ฤดูกาลที่แล้ว โดยจาก 4 ใน 5 นัดที่ผ่านมาพวกเขาพลิกแซงคู่แข่งในช่วงท้ายเกมตลอด ลามไปถึงการยิงนาทีบาปอย่างช่วงทดเวลานาทีสุดท้ายด้วย ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณการเป็นผู้ชนะของทีมหงส์แดงชุดนี้  

แต่ล่าสุดหลังจบเกมในสัปดาห์ที่ 6 พลพรรคเครื่องจักรสีแดงก็ได้รู้ซึ้งถึงสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำย่ำยีกับทีมอื่นแล้วเรียบร้อยด้วยการบุกไปแพ้คริสตัล พาเลซ 2-1 ซึ่งนี่เป็นเกมที่ดราม่าซ้อนดราม่ามากๆ เมื่อทีมของอาร์เน่อ สล็อต โดนนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม ก่อนจะมาไล่ยิงตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกมจากเฟเดริโก้ เคียซ่าในนาทีที่ 87 หลายคนอาจคิดว่าเอาอีกแล้ว พวกมึ_รอดตายท้ายเกมอีกแล้ว แต่มันไม่จบเท่านั้นเพราะที่เราบอกว่ามันดราม่าซ้อนดราม่าก็คือ หลังจากข้างสนามชูป้ายทดเวลา 6 นาทีและเกมเล่นมาเรื่อยๆ โดยทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ ลิเวอร์พูลจะยังไม่แพ้ใคร เวลาเลย 6 นาทีมานิดหน่อยและกำลังจะเป็นเพลย์สุดท้าย มาร์ค เกฮี โหม่งบอลมาเข้าทาง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ซัดด้วยซ้ายเข้าประตูเฉยเลย… ใช่ครับ ลิเวอร์พูลโดนยิงแซงนาทีบาป 90+7 มีการเช็ค VAR เรื่องล้ำหน้าเล็กน้อยแต่สุดท้ายไม่มีปัญหา ลูกนี้กลายเป็นประตูชัยที่ทำให้หงส์แดงสะกดคำว่า ‘แพ้’ เป็นแล้วในซีซันนี้  

แน่นอนว่าการแพ้นัดแรกในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาหมดลุ้นแชมป์แต่อย่างใดเพราะตอนนี้ยังคงนำเป็นจ่าฝูงอยู่ เครดิตในเกมนี้ต้องยกให้กับ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ เฮดโค้ชของพาเลซที่ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่ยังคุมทีมไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ ผ่าน 6 นัดชนะ 3 เสมอ 3 มีอยู่ 12 คะแนน รั้งอันดับ 3 ของตาราง ตามหลังจ่าฝูง 3 แต้ม ทำให้ตอนนี้หลายฝ่ายเริ่มมองว่าทีมอินทรีย์แห่งลอนดอนอาจจะเล็กเกินไปสำหรับเขาแล้วในเวลานี้ 

Sixth-match-Premier-League-wrap-up-SPACEBAR-Photo03.jpg
Sixth-match-Premier-League-wrap-up-SPACEBAR-Photo04.jpg

‘ผี’ กลับสู่ลูปเดิม ส่วนฝั่ง ‘สิงห์’ เจ็บไม่เคยจำ 

จากที่เราเกริ่นหัวไปว่าสองทีมที่เจอกันในบิ๊กแมตช์สัปดาห์ที่แล้วอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี พ่ายแพ้ทั้งคู่ มาเริ่มจากฝั่ง ‘ปีศาจแดง’ กันก่อน หลังจากที่อุตส่าห์เปิดบ้านชนะเกมสำคัญกับเชลซีไปแล้ว ถ้าจะรักษาโมเมนตัมของทีมต่อไปสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำให้ได้ในเกมเยือนเบรนท์ฟอร์ดก็คือชนะเท่านั้น แต่แค่เริ่มเกมก็ไม่ใช่แบบนั้นแล้วเมื่อทีมของรูเบน อโมริม โดนนำสองลูกตั้งแต่ไก่โห่ แม้จะไล่มาได้จากการยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกของเบนยามิน เชชโก้ และทำท่าเหมือนจะเสมอได้ด้วย แต่สุดท้ายบรูโน่ แฟร์นันด์ส กัปตันทีมก็ยิงจุดโทษพลาดก่อนจะโดนทีม ‘ผึ้งน้อย’ ฝังเหล็กในซ้ำในช่วงทดเจ็บแพ้ไป 3-1 กลับสู่ ‘ลูปนรก’ ที่แฟนบอลผีแดงคุ้นเคยเหมือนเดิม 

ทางด้านคู่แข่งสัปดาห์ที่แล้วของพวกเขาอย่างเชลซีที่เกมเจอกับยูไนเต็ดก็โดนใบแดงตั้งแต่ต้นเกม มาในเกมนี้พวกเขาครองเกมครึ่งแรกเหนือกว่าคู่ต่อสู้อย่างไบรท์ตันแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและสกอร์ก็นำอยู่ 1-0 แต่แล้วทีมลอนดอนสีน้ำเงินเหมือนคนที่ ‘เจ็บ’ แต่ ‘ไม่เคยจำ’ เมื่อ เทรโวห์ ชาโลบาห์ มาโดนใบแดงไล่ออกในช่วงต้นครึ่งหลัง ทำให้พวกเขาต้องเล่น 10 คนถึงสองเกมติดในลีก และด้าน เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือก็เลือกที่จะทำแบบเดิมคือ ‘อุด’ ด้วยการไล่ถอด ‘ตัวรุก’ ออกทีละคน ผลสุดท้ายการ ‘ซื้อเกมรับ’ ก็ไม่ช่วยอะไรเหมือนเดิม โดนตีเสมอและไล่แซงในช่วงท้ายเกมแพ้ไปตามระเบียบ ทำให้ตอนนี้แฟนๆ เชลซีเริ่มจะหมดความอดทนกับวิธีการของโค้ชหัวเหม่งรายนี้กันแล้ว 

Sixth-match-Premier-League-wrap-up-SPACEBAR-Photo05.jpg

‘ปืน’ แซงท้ายเกม แสดงให้เห็นว่าปีนี้พวกเขาเอาจริงแน่ 

ปิดท้ายกันที่ทีมที่รอคอยแชมป์มาอย่างยาวนานและหมายมั่นปั้นมือว่าปีนี้พวกเขาต้องทำให้ได้แล้วอย่าง ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอล โดยในสัปดาห์นี้ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่งานง่ายเมื่อพวกเขาต้องบุกมาเยือนนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความเขี้ยวลากดินอยู่แล้ว ใครเจอพวกเขาก็ยากหมด แน่นอนว่าทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ก็เจอเหมือนกัน หลังจากที่พวกเขาพลาดจุดโทษแบบน่ากังขาจากการตัดสินสุดจะ ‘มึนตึ้บ’ ของกรรมการก็มาโดนลูกโขกของ นิค โวลเตอร์มาเดอ ให้เจ้าบ้านขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในครึ่งแรก 

เริ่มครึ่งหลังมาทัพ ‘เดอะ กันเนอร์ส’ ครองบอลโหมบุกเข้าใส่อย่างหนัก พยายามทำทุกวิถีทางที่จะเอาประตูคืนให้ได้ ก่อนจะมาเห็นผลในช่วงท้ายเกมโดยได้ประตูตีเสมอจาก มิเกล เมริโน่ ในนาทีที่ 84 เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอหลังช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 8 นาทีล่วงเลยมาเรื่อยๆ แต่สุดท้ายอาร์เซนอลก็มาได้ประตูชัยสุดดราม่าจากลูกโหม่งเต็มหัวของ กาเบรียล มากัลเญส ในนาทีที่ 90+6 และแน่นอนว่าสองลูกที่เกิดขึ้นของปืนใหญ่มาจากการที่ทีมกด ‘สูตร’ ลูกเตะมุมติดทำให้จบเกมพวกเขาพลิกแซงนิวคาสเซิลแบบสุดเดือด 2-1 ทำแต้มไล่จี้ลิเวอร์พูลเหลือแค่ 2 คะแนนแล้ว 

ถือเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่มีเหตุการณ์หลายรสชาติให้แฟนบอลได้ลุ้นได้สนุกไปด้วยกัน การแข่งขันเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มารอดูกันว่าอาทิตย์หน้าจะเป็นอย่างไรกันต่อ ยังเหลืออีก 32 นัดให้ได้ติดตามกันในซีซัน 2025/26 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์


‘หงส์’ เจอยิงนาทีบาป พ่ายนัดแรก! ผีกลับมาแพ้ ปืนชนะแต้มจี้จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบนัดที่หก