จบลงไปแล้วเรียบร้อยสำหรับการคุมทีมนัดแรกของ แอนโธนี ฮัดสัน หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทยที่เป็นเกมอุ่นเครื่องเพื่อเตรียมทีมไปลุย เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือกกับทีมชาติศรีลังกา โดยผลการแข่งขันเป็นไทยที่เฉือนเอาชนะ ทีมชาติสิงคโปร์ 3-2 วันนี้เราจะมาพูดถึงผลงานนัดแรกของกุนซือชาวอังกฤษรายนี้กันว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เฉือนชนะสิงคโปร์แค่ลูกเดียว มาตรฐานร่วงชัดเจน
แม้จะเปิดตัวด้วยชัยชนะในนัดแรกสำหรับกุนซือชาวอังกฤษ แอนโธนี ฮัดสัน ที่ประเดิม Win rate แบบที่ฝ่ายเทคนิคต้องการไปก่อนได้สำเร็จ หากเมื่อมาดูผลการแข่งขันที่เราเฉือนชนะคู่แข่งที่เราแทบจะไม่พลาดท่าให้เลยมาตลอดอย่างสิงคโปร์แค่ลูกเดียวดูแล้วไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่นักเพราะใน 5 นัดหลังสุดที่เจอกับสิงคโปร์ไล่มาตั้งแต่ยุคของ มิโลวาน ราเยวัช, มาโน่ โพลกิ้ง และ มาซาทาดะ อิชิอิ ไทยชนะสิงคโปร์ด้วยผลงานทิ้งห่าง 2 ประตูมาโดยตลอด เริ่มจากปี 2018 ที่ชนะ 3-0, ปี 2021 ที่ชนะ 2-0, ปี 2023 ที่ชนะ 3-1 และล่าสุดเมื่อปีที่แล้วสองนัดที่ชนะ 3-1 และ 4-2
แถมในเกมเมื่อวานนี้ฝั่งสิงคโปร์ก็ไม่ได้เต็มที่กับเรามากเพราะยังมีโปรแกรม เอเชียน คัพ รอบคัดเลือกกับทีมชาติฮ่องกงรออยู่ซึ่งเขาน่าจะไปจัดเต็มตรงนั้นมากกว่า ดังนั้นการที่เราเอาชนะได้แค่ประตูเดียวนับเป็นปัญหาที่สื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามาตรฐานถือว่าตกลงและนำไปสู่เรื่องต่อๆ ไปที่เรากำลังจะเล่าว่ามีปัญหาอะไรที่เราเห็นในเกมนี้และดูแล้วน่ากังวลบ้าง

แผงหลังลอยและหลวมเหมือนน็อตที่ไขไม่แน่น
การขาดหายไปของ โจนาธาร เข็มดี ในเกมเมื่อวานนี้คือจุดใหญ่สำคัญที่เห็นได้ชัดมากในส่วนของแนวรับทีมชาติไทยเพราะคู่เซ็นเตอร์ตัวจริงของเมื่อวานคือ พรรษา เหมวิบูลย์ กับ ณัฐพงษ์ สายริยานั้นขาดความเร็วด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครสามารถวิ่งเข้าไปชนก่อนหนึ่งคนเพื่อรอให้อีกคนกวาดบอลได้เลย ถ้าเข้าแล้วพรวดไปทั้งคู่มีหลุดยาวถึงหน้าประตูแน่นอน ขนาดไม่มีใครเข้าพรวดบางช็อตเรายังตามไม่ทันจนสิงคโปร์มีโอกาสหลุดเข้าไปล่อเป้าอยู่หลายหน
นอกจากเช็นเตอร์ฮาล์ฟเราขาดความเร็วแล้วยังมีเรื่องของฟูลแบ็คทั้งสองฝั่งที่เติมขึ้นไปจนสุดเส้นแล้วถอยกลับลงมาเล่นเกมรับไม่ทันอีก โดยเฉพาะทางด้านของ เควิน ดีรมรัมย์ ที่ไม่ได้ลงเล่นให้ทีมชาติมานานมากซึ่งต้องใช้เวลาปรับตัวอีกเยอะ เควินเติมสร้างมิติเกมรุกได้ก็จริงแต่ฝั่งซ้ายของเราเวลาเล่นเกมรับหลุดเป็นทุ่งตลอดแถมยังประสานงานกับ สุภโชค สารชาติ ได้ไม่ดีเท่าที่ควรอีกต่างหาก ต่างจากในยุคของอิชิอิที่ใช้ วันชัย จารุนงคราญ หรือ สัญชัย นนทศิลาแล้วสร้างบาลานซ์ทั้งรุกและรับได้ดีกว่า
ส่วนอีกประเด็นคือคู่กองกลางที่ทางฮัดสันเลือกใช้ ธีราทร บุญมาทัน กับ สารัช อยู่เย็นลงเล่นคู่กัน ทั้งสองเป็นกองกลางประเภทสร้างสรรค์โอกาส วางบอลแนวลึกให้เพื่อนได้ ยิงไกลได้ แต่ทั้งคู่ไม่ใช่มิดฟิลด์ที่จะคอยวิ่งไล่บอลแบบที่อิชิอิเคยใช้พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี กับ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ เพราะก่อนหน้านี้จากที่เราเคยเห็นกันมาสองคนนี้จะวิ่งชนไม่ก็วิ่งเก็บกวาดในด่านสุดท้ายก่อนจะถึงพื้นที่แดนสามเสมอทำให้ลดภาระของกองหลังตัวกลางไปได้ในระดับหนึ่ง เห็นได้ชัดมากๆ ตอนที่ฮัดสันเปลี่ยน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวรลงสนามมาแล้วเขาคอยวิ่งไล่บอลเสมอแถมยังออกบอลได้เป็นอย่างดีจนทำให้ไทยไม่เสียประตูเพิ่ม

ชนะด้วยความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ การเข้าทำยังไม่ชัดเจน
ต้องยอมรับว่าชัยชนะเมื่อวานนี้เราได้มาด้วย ‘ความสามารถเฉพาะตัว’ ของนักเตะล้วนๆ สามลูกที่ไทยยิงได้มาจากการยิงไกลที่เกิดจากความยอดเยี่ยมของผู้เล่นทั้งการวอลเลย์สุดสวยของ สารัช อยู่เย็น ต่อด้วยลูกยิงเบียดเสาแรกสุดเฉียบคมของ ธีราทร บุญมาทัน และลูกไฟกว่า 35 หลาของ เสกสรรค์ ราตรี ที่เอาจริงๆ ถ้าให้ทุกคนยิงแบบนั้นอีกรอบผลอาจจะไม่ออกมาแบบเดิมก็ได้
อย่างแรกเลยคือสะท้อนให้เห็นว่าสองตัวเก๋าที่กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งยังเล่นได้และการมีนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวดีๆ มันจะช่วยได้แน่ๆ เวลาที่ทีมเจอเกมตันๆ แต่สิ่งที่แฟนบอลเมื่อวานนี้ทั้งในสนามและผู้ชมถ่ายทอดสดยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนคือรูปแบบเกมรุกหรือการเข้าทำของฮัดสันจะเป็นแบบไหนเพราะยังไม่ชัดเจนสักอย่าง ที่เห็นได้ชัดสุดก็คือบุกริมเส้นและครอสเข้ากลางซึ่งก็มีแค่แบบเดียว เราไม่เห็นการเจาะทะลุทะลวงจากตรงกลางหรือการขึ้นเกมสวยๆ เคาะไปมาจนหาช่องเข้าทำได้ ตรงนี้เรายังหาไม่เจอกันเลย เทียบกับนัดที่บุกถล่มไต้หวัน 6-1 แล้วยังต่างกันมากโข ปิดท้ายด้วยกองหน้าที่เมื่อวานนี้ไม่มีความเฉียบคมใดๆ แถมยังเล่นมากจังหวะ คิดเยอะไปไม่เหมือนตอนยุคอิชิอิที่เล่นน้อยจังหวะกว่า อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้ง้างเท้าจบสกอร์ให้ได้
แต่ก็อย่างว่าแหละครับว่านี่เป็นเพียงแค่นัดแรกของแอนโธนี ฮัดสันเท่านั้น การที่เขามีเวลาเตรียมทีมไม่มากเท่าไหร่อาจจะทำให้เขายังลงรายละเอียดในเกมที่ต้องการให้กับนักเตะได้ไม่เยอะ คงต้องมารอดูกันในวันอังคารหน้าที่เป็นของจริงว่าเขาจะลบจุดอ่อนที่เห็นได้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าจะให้ชัวร์ที่สุดคือต้องชนะเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากในนัดสุดท้ายซึ่งถ้าสะดุดเสมอขึ้นมานัดสุดท้ายกับเติร์กเมนิสถานก็ต้องเน้นแบบสุดๆ เลย แต่ถ้าหลุดขนาดถึงขั้นแพ้ขึ้นมาละก็ศรัทธาบอลไทยถึงคราว ‘อวสาน’ แน่นอน



