พรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบสัปดาห์ที่สี่ลิเวอร์พูลยังคงเอาตัวรอดไปได้อีกสัปดาห์หลังได้ประตูชัยจากจุดโทษของโม ซาลาห์ ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายเบียดเอาชนะเบิร์นลีย์ไปได้สำเร็จ ในขณะที่คู่ไฮไลต์อยู่ที่ ‘แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้’ ที่ทางฝั่งสีฟ้า แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแบบชิลๆ 3-0

‘หงส์’ ยังคงเอาตัวรอดได้ เฉือนชนะเบิร์นลีย์ยืนจ่าฝูงเหมือนเดิม
เริ่มกันที่ทีมแรกลิเวอร์พูลที่พวกเขายังคงมาตรฐานของทีมลุ้นแชมป์เช่นเคย เพราะในรูปเกมที่ทำท่าเหมือนจะจบลงด้วยผลเสมอแต่สุดท้ายพวกเขาก็พยายามอย่างหนักจนหยดสุดท้าย ก่อนจะมาได้ประตูชัยจากลูกจุดโทษของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย 90+5 ทำให้พวกเขารักษาสถิติเพอร์เฟกต์ในซีซันนี้ได้ต่อไปด้วยการคว้าชัย 4 นัดเก็บได้ 12 คะแนนเต็ม
ต้องบอกว่าเกมนี้ฝั่งผู้มาเยือน ‘หงส์แดง’ ครองเกมได้ทั้งหมดเหนือทีมน้องใหม่ ‘เบิร์นลีย’' โดยสถิติหลังจบเกมเริ่มตั้งแต่การครองบอลที่ลิเวอร์พูลครองบอลไปถึง 81% แต่เบิร์นลีย์ได้แค่ 19% ต่อด้วยจำนวนการจ่ายบอลที่ทีมเยือนพาสบอลกันไปถึง 697 ครั้งในขณะที่เจ้าบ้านแค่ 168 ครั้ง น้อยกว่ากันถึง 4 เท่า ปิดท้ายด้วยโอกาสการทำประตูที่ตลอด 90 นาทีเจ้าบ้านมีจังหวะง้างเท้าแค่ 3 ครั้ง ไม่เข้ากรอบเลย ค่า xG แค่ 0.13 ส่วนเครื่องจักรสีแดงกระหน่ำซัดไป 27 ครั้งเข้ากรอบไป 4 ครั้ง ค่า xG พุ่งไปสูงถึง 2.65
ทีนี้พอมาดูค่า xG ของลิเวอร์พูลที่เยอะมากๆ การที่ได้แค่ลูกเดียวจากจุดโทษเครดิตตรงนี้ก็ต้องยกให้กับเบิร์นลีย์ไปแบบเต็มๆ เพราะตลอดทั้งเกมทีมน้องใหม่ทำได้ดีมากๆ ระเบียบในเกมรับต่างๆ พวกเขาทำได้เป็นอย่างดีโดยป้องกันการโจมตีของทีมเยือนได้หมด น่าเสียดายที่มาพลาดเสียจุดโทษจากความผิดพลาดส่วนตัวเหมือนกับเกมก่อนพักเบรกทีมชาติกับยูไนเต็ดเป๊ะ ทำให้สุดท้ายพวกเขาเสียแต้มสำคัญในสองเกมล่าสุดไปถึง 4 คะแนน
ในขณะที่ชัยชนะนัดนี้ของลิเวอร์พูลยังแสดงให้เห็นถึงจุดเด่นของพวกเขาในตอนนี้คือ ‘จิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้ชนะ’ โดยอาร์เน่อ สล็อตน่าจะพร่ำบอกกับลูกทีมของเขาเสมอว่าตราบใดที่ยังไม่จบเกมจงอย่าหยุดพยายาม พวกเขาสามารถเอาชนะได้เสมอซึ่งนี่คาดว่าน่าจะเป็นคีย์สำคัญของทัพ ‘หงส์แดง’ ในการป้องกันแชมป์ซีซันนี้แน่นอน

อาทิตย์นี้แมนเชสเตอร์สีฟ้า
ในขณะที่คู่ไฮไลต์ของสัปดาห์นี้อยู่ที่ศึก ‘แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้’ การพบกันระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยทางด้านเจ้าบ้านก่อนพักเบรกทีมชาติฟอร์มของพวกเขาไม่ดีเลย แพ้ไปถึงสองเกมรวดให้แก่สเปอร์สและไบรท์ตัน ทำให้นัดนี้เป๊ป กวาร์ดิโอลาต้องเน้นเป็นพิเศษหากจะรักษาโมเมนตัมในการลุ้นแย่งแชมป์ลีก ส่วนฝั่งยูไนเต็ดเพิ่งจะเฉือนเบิร์นลีย์ไป 3-2 คว้าสามแต้มแรกในซีซันได้สำเร็จ แน่นอนว่าการเจอซิตี้ไม่ใช่งานง่ายแต่อย่างน้อยการคว้าหนึ่งแต้มก็น่าจะเป็นเป้าหมายที่พวกเขาต้องทำให้ได้ถ้าจะต่อยอดฟอร์มการเล่นต่อไป
สุดท้ายผลการแข่งขันออกมาเป็น ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่ถล่ม ‘ปีศาจแดง’ ไปแบบกระจุย 3-0 โดยได้ประตูจากลูกโขกของ ฟิล โฟเด้น ในช่วงครึ่งแรกและสองประตูจาก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าตัวเก่งในช่วงครึ่งหลัง ถ้าเทียบผลงานส่วนตัวของนักเตะทั้งสองทีมต้องบอกว่าฝั่งซิตี้ชนะยูไนเต็ดไปได้แบบ ‘เอาต์คลาส’ เลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่ผู้รักษาประตูที่เห็นได้ชัดว่าการมีด่านสุดท้ายที่เก่งจริงๆ นั้นสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก ดอนนารุมม่า ทิ้งห่าง บาร์ยินดี แบบไม่เห็นฝุ่น นอกจากนี้แผงกลางกับหลังก็คนละเรื่องโดยลูกที่สองคู่เซ็นเตอร์ยูไนเต็ด เดอ ลิกต์ และ ชอว์ ก็พลาดการประกบฮาลันด์ และลูกสุดท้ายเป็น อูการ์เต้ ที่ควรประกบติดฮาลันด์ก็ยืนมองบอลแบบงงๆ จนสุดท้ายศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์หลุดเดี่ยวเป็นทุ่งเข้าไปยิงประตู
หลังจบเกมความน่าเป็นห่วงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คือ ‘บอสเจ๋ง’ รูเบน อโมริม ที่ยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาจะไม่มีทางเปลี่ยนแนวทาง (กองหลังสามคน) การทำทีมของตัวเองอย่างแน่นอน

ปืนคืนฟอร์มโหดถล่มฟอเรสต์ยับ
ปิดท้ายกับอีกทีมที่เป็นเต็งจ๋าในการลุ้นแชมป์ไม่แพ้แชมป์เก่าอย่างทัพ ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอล ที่หลังจากสะดุดแพ้ลิเวอร์พูลมาตอนก่อนเบรกทีมชาติ มาสัปดาห์นี้พวกเขาคืนฟอร์มเก่งสมราคาทีมเต็งแชมป์เมื่อกลับมาเปิดบ้านถล่มยับ ‘เจ้าป่า’ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 แม้ว่าทีมเยือนจะได้กุนซือใหม่ แอนจ์ ปอสเตโคกลู มาประเดิมคุมทีมแต่สุดท้ายก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือทีมของ มิเกล อาร์เตต้า
โดยผลงานของนักเตะ ‘เดอะ กันเนอร์ส’ ต้องบอกเลยว่าดูดีทุกคนตั้งแต่แผงหลังไปยันกองหน้า ส่วนคนที่โดดเด่นสุดๆ ในเกมเมื่อวันเสาร์ก็คือกองกลางตัวใหม่ มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ที่โชว์ฟอร์มโคตรเทพกดคนเดียวไปสองประตูในขณะที่กองหน้าคนใหม่ วิคตอร์ เยอเคเรส ก็ไม่น้อยหน้าซัดไปอีกหนึ่งประตู ทำให้ตอนนี้ลงเล่นพรีเมียร์ลีกไป 4 นัดทำไปได้แล้ว 3 ประตู ถือว่าปรับตัวได้เร็วเกินความคาดหมายของแฟนบอลอังกฤษพอสมควร
ณ ตอนนี้หลังผ่านไป 4 นัดผลงานของ ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซนอล ยังรักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเดิมสมราคาทีมลุ้นแชมป์ในขณะที่ซิตี้ก็คงจะกลับมาอยู่ในเส้นทางนี้ได้ในไม่ช้า ส่วนทีมอื่นๆ ก็คงต้องมารอดูกันไปยาวๆ ฤดูกาลนี้ยังอีกไกล ปีนี้ลุ้นกันสนุกแน่นอน