พรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบสัปดาห์ที่สิบเอ็ด บิ๊กแมตช์ที่หลายคนจับตามองระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ ลิเวอร์พูล ว่าน่าจะสู้กันสนุกแต่ปรากฏว่าเป็น ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่ฟอร์มโคตรโหดตบ ‘หงส์แดง’ เละเทะแบบหมดทรง ในขณะที่ ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอล ก็สะดุดแล้วหลังโดนน้องใหม่ฟอร์มแรงอย่าง ‘แมวดำ’ ซันเดอร์แลนด์ เปิดบ้านยันเสมอได้สำเร็จ
‘เรือใบสีฟ้า’ โคตรโหดตบ ‘หงส์แดง’ หมดทรง
เริ่มกันที่คู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ที่แฟนบอลตั้งตารอคอยการพบกันของสองทีมที่ขับเคี่ยวกันมาหลายปี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ ลิเวอร์พูล ที่ในปีที่แล้วทีมแชมป์เก่าชนะทั้งไปและกลับด้วยสกอร์ 2-0 ทั้งสองนัด ทำให้ปีนี้คาดการณ์กันว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือซิตี้น่าจะเตรียมทีมมาเป็นอย่างดีเพราะพวกเขาคงไม่อยากแพ้เป็นนัดที่สามติดต่อกัน และหากจะลุ้นแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนี้ก็ต้องเอาชนะให้ได้เท่านั้นเพื่อลดช่องว่างระหว่างอาร์เซนอลให้น้อยลง
โดยเริ่มเกมมาก็เป็นฝั่งซิตี้ที่อาศัยความได้เปรียบจากการเล่นในบ้านครองเกมเหนือผู้มาเยือนก่อนจะมาได้จุดโทษในช่วงต้นเกม แต่ปรากฏว่า เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดันยิงไปติดเซฟมามาร์ดาชวิลี่ทำให้พลาดโอกาสขึ้นนำไป แต่หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ฮาลันด์ ก็แก้ตัวได้สำเร็จโหม่งให้ทีมขึ้นนำ 1-0 แต่หลังจากนั้นเหมือนลิเวอร์พูลจะกลับมาได้เมื่อ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค โหม่งลูกเตะมุมเข้าไปแต่สุดท้ายโดน VAR ยึดคืนก่อนที่จะมาโดนประตูหนีห่างในช่วงทดเจ็บครึ่งแรกจากลูกยิงแฉลบของ นิโก้ กอนซาเลซ
หลังจากนั้นในครึ่งหลังพอเกมนำห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เล่นง่ายขึ้นเยอะ ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นเกมแล้วอาศัยจังหวะโต้กลับเอาซึ่งบวกกับฟอร์มอันจี๊ดจ๊าดของ เจเรมี่ โดกู ที่ลากเลื้อยทำเอากองหลังทีมเยือนหัวหมุน จนสุดท้ายเขามาบวกประตูที่สามให้ทีมได้จากจังหวะโยกเข้าขวาแล้วปั่นโค้งๆ แบบสุดงามเป็นประตูฝังเกมนี้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยหลังจบเกมคนที่โดนวิจารณ์มากที่สุดก็หนีไม่พ้น อาร์เน่อ สล็อต ที่เกมเมื่อคืนนี้เหมือนเขาสับสนหลายอย่างตั้งแต่แทคติกแบบเดิมๆ แต่หวังจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง เรียกว่าแมตช์เจอเชลซีเล่นแบบไหนแล้วแพ้เกมเมื่อคืนนี้ก็ใช้วิธีการคล้ายเดิม ผลลัพธ์ก็ออกมาแบบเดิม ก็คงต้องมารอดูกันว่าหลังกลับมาจากเบรกทีมชาติเจอโปรแกรมที่ไม่ยากมากเขาจะพาทีมกลับมาได้ไหม
‘ปืน’ สะดุดแล้วโดน ‘แมวดำ’ ยันเสมอแต่ยังรั้งจ่าฝูงอยู่
ในขณะที่ทีมจ่าฝูงเวลานี้อย่าง ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอลที่ฟอร์มกำลังแรงชนะมา 10 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ในสัปดาห์นี้พวกเขาต้องเจอน้องใหม่ฟอร์มยอดเยี่ยมอย่าง ‘แมวดำ’ ซันเดอร์แลนด์ ที่บอกไปคงไม่มีใครเชื่อว่าเวลานี้พวกเขารั้งอยู่หัวตารางของลีก ในเกมนี้พวกเขาก็สร้างปัญหามากมายให้ผู้มาเยือนโดยได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 ในครึ่งแรกก่อนที่จะมาโดนพลิกแซง 2-1 ในช่วงครึ่งหลัง ส่วนเรื่องที่น่าสนใจคือเกมนี้อาร์เซนอลกดสูตรลูกตั้งเตะไม่ติดเพราะสองประตูที่พวกเขาได้ในเกมนี้มาจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ทั้งหมด
เกมที่ทำท่าเหมือนจะจบลงด้วยสามคะแนนของจ่าฝูงแต่การที่ มิเกล อาร์เตต้า เลือกผ่อนเกมแล้วปล่อยให้เจ้าบ้านโหมบุกสุดท้ายแล้วก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเมื่อซันเดอร์แลนด์มาได้ประตูตีเสมอจาก ไบรอัน บร็อบบี้ย์ ในช่วงนาทีบาป เปลี่ยนสามคะแนนของทีมเยือนให้เหลือเพียงแค่คะแนนเดียว หยุดสถิติชนะรวดไว้แต่เพียงเท่านี้ โชคยังดีที่แต้มยังห่าง รั้งจ่าฝูงไว้ได้ต่อไป ในขณะที่ทีมเยือนฟอร์มดีเกินคาดตอนนี้รั้งอันดับที่ 4 ของตารางคะแนน
‘ไก่’ เสมอ ‘ผี’ ส่วนด้าน ‘สิงห์’ ถล่มวูล์ฟยับเยิน
ปิดท้ายกันที่อีกสามทีมใหญ่เริ่มจากบิ๊กแมตช์คู่แรกของสัปดาห์ระหว่างท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เปิดบ้านพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเกมนี้ฝั่งปีศาจแดงออกนำไปก่อนตั้งแต่ครึ่งแรกและเกมมามันเอาในช่วง 10 นาทีสุดท้าย โดยด้าน ‘ไก่เดือยทอง’ มาได้สองประตูแซงนำในช่วงท้ายเกมซึ่งแมตช์ทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของเจ้าบ้านแต่ยูไนเต็ดก็มาโกงตายได้สำเร็จโดยได้ประตูตีเสมอในช่วงทดเจ็บนาทีบาปจาก เดอ ลีกต์ ทำให้เกมจบลงไปด้วยผลเสมอ 2-2 แบบสุดมัน
ในขณะที่ ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ เชลซี ที่เพิ่งบุกไปพลาดทำได้แค่แบ่งแต้มกับ คาราบัค ในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลับมาเปิดบ้านสแตมฟอร์ด บริดจ์ เจอทีมบ๊วยของลีกอย่างวูล์ฟแฮมป์ตันซึ่งก็จบแบบไม่มีปัญหา แม้ในครึ่งแรกรูปเกมจะอึดอัดเพราะบุกขนาดไหนก็ไม่ได้ประตูแต่สุดท้ายในครึ่งหลังพวกเขาก็กลับมาคึกคักกดไปสามประตูจาก มาโล กุสโต้, ชูเอา เปโดร และ เปโดร เนโต้ โดยในเกมนี้คนที่เฉิดฉายสุดๆ คือ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกตัวใหม่ของทีมที่ฟอร์มในตำแหน่งปีกซ้ายของเขาสะเด่าสุดๆ ลากเลื้อยจนแอสซิสต์ไป 2 ประตู คว้าตำแหน่ง ‘แมนออฟเดอะแมตช์’ ไปครองได้สำเร็จ
