เฝ้าระวังน้ำท่วม น้ำหลาก ล้นตลิ่ง 25-30 ก.ย.ระดับน้ำ‘แม่โขง-เจ้าพระยา’เพิ่มสูง

23 ก.ย. 2568 - 07:09

  • ฝนตกหนัก! น้ำแม่แจ่มทะลักท่วมพื้นที่ อ.แม่แจ่ม บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรเสียหาย

  • เพชรบูรณ์ ยังเฝ้าระวังอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก

  • จังหวัดสุรินทร์อ่างเก็บน้ำเกินความจุ น้ำล้นหลากท่วมอำเภอสังขะวิกฤต

เฝ้าระวังน้ำท่วม น้ำหลาก ล้นตลิ่ง 25-30 ก.ย.ระดับน้ำ‘แม่โขง-เจ้าพระยา’เพิ่มสูง

ผู้สื่อข่าวรายงาน (23 กันยายน 2568) น้ำจากลำน้ำแม่แจ่ม เริ่มไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนตั้งแต่เวลา 04.30 น. โดยพื้นที่ ตำบลช่างเคิ่ง ซึ่งเป็นชุมชนหนาแน่น มีทั้งสถานที่ราชการ สถานศึกษา และย่านเศรษฐกิจของอำเภอ ถูกน้ำไหลเข้าท่วมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันน้ำยังเริ่มเอ่อล้นเข้าไปยังพื้นที่การเกษตร ในตำบลท่าผา และบางแห่งของตำบลช่างเคิ่ง

โดย เกรียงศักดิ์ บุญตาปวน นายอำเภอแม่แจ่ม สั่งระดมกำลังทุกฝ่าย ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านยกของขึ้นที่สูง และอพยพกลุ่มเปราะบาง ไปยังจุดปลอดภัยทันที ขณะนี้มีการประสาน อปท. ทุกแห่งในพื้นที่ ให้เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในจุดที่น้ำหลากแรง และประชาชนยังติดอยู่ในบ้าน

Watch-out-for-flooding-overflowing-rivers-and-river-bank-SPACEBAR-Photo02.jpg

รายงานสถานการณ์ เวลา 08.50 น.(28 ก.ย.2568) ณ สะพานแม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ แจ้งเตือนพื้นที่ริมลุ่มน้ำและลุ่มต่ำ และปิดเส้นทาง แม่นาจร - ขุนยวม เนื่องจาก ปัจจุบันระดับน้ำขึ้นสูง 6.20 เมตร อาจเกิดอันตรายขึ้นได้ จึงขอปิดสะพานแม่นาจร ชั่วคราว

รายงานล่าสุด ณ เวลา 11.00 น. สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม เบื้องต้นระดับน้ำตัวอำเภอลดลงประมาณ 15-20 ซม. ขณะที่ระดับน้ำลำน้ำแม่แจ่มบริเวณสะพานแม่นาจรก็เริ่มลดลงด้วยเช่นกัน

ด้านความเสียหาย เบื้องต้น ต.แม่นาจร ได้แจ้งความเสียหาย พบว่าบ้านแม่ขอ ม.11 สะพานขาด บ้านเรือนได้รับความเสียหายบางส่วน บ้านแม่ซา ม.2 คอสะพานทรุด โรงเรียนแม่ซาได้รับความเสียหาย บ้านเรือนบางส่วน บ้านสบแม่รวม ม.1 สะพานขาด และมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายบางส่วน และล่าสุดเวลา 10.15 น. ตัวอำเภอแม่แจ่มยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทุกหน่วยงานได้ติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

Watch-out-for-flooding-overflowing-rivers-and-river-bank-SPACEBAR-Photo03.jpg

ขณะเดียวกันสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ รายงานสถานการณ์น้ำแม่ขาน ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติออบขาน ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง เวลา 07.45 น. (23 กันยายน 2568) เนื่องจากมีฝนตกหนักตลอดคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำแม่ขานมีระดับสูงขึ้น พื้นที่ท้ายน้ำลำน้ำขาน ในพื้นที่อำเภอสันปาตอง ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำต่อไป

เพชรบูรณ์ ยังเฝ้าระวังอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

ด้านสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสัก ในเขตพื้นที่อำเภอหล่มสัก ระดับน้ำบริเวณฝายศรีจันทร์ หมู่ที่ 4 ตำบลท่าอิบุญปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น สูงกว่าสันฝายประมาณ 1.00 เมตร เป็นมวลน้ำที่มาจากตำบลตาดกลอย อำเภอหล่มเก่า ยังไม่ส่งผลกระทบในพื้นที่แต่อย่างใด

Watch-out-for-flooding-overflowing-rivers-and-river-bank-SPACEBAR-Photo01.jpg

ระดับน้ำบริเวณฝายริมแม่น้ำป่าสักฝั่งซ้าย หมู่ที่ 5 บ้านวังร่อง ตำบลห้วยไร่ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 4.00 เมตร สูงกว่าระดับวิกฤติ 0.50 เมตร (ระดับวิกฤตสันฝาย 3.50 เมตร) ปริมาณน้ำเริ่มส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมน้ำที่ต่ำตำบลสักหลง ตำบลห้วยไร่ ระดับเตือนภัยสีแดง

ระดับน้ำบริเวณสะพานตาลเดี่ยว ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 9.35 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 1.05 เมตร (ระดับตลิ่ง 8.30 ม.) ระดับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ มีน้ำซึมไหลออกมาจากแนวคันกั้นน้ำฝั่งตรงข้ามสวนดงตาลบ้างเล็กน้อย ปริมาณเริ่มส่งผลกระทบต่อพื้นที่แนวริมตลิ่ง เส้นทางจราจรยังสามารถใช้งานได้ปกติ

ส่วนอำเภอหล่มสัก ณ เวลานี้ ในพื้นที่อำเภอมีฝนตกเล็กน้อยกระจายทั่วพื้นที่ ปภ.ได้แจ้งกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกแห่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้เตรียมความพร้อม บุคลากรเครื่องจักรกลสาธารณภัย รองรับสถานการณ์ เพื่อให้พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงติดตามข่าวสาร แจ้งเตือน จากทางราชการ เฝ้าระวังอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

 อ่างเก็บน้ำเกินความจุ น้ำล้นหลากท่วมอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์

ที่จังหวัดสุรินทร์ มีรายงานสถานการณ์น้ำท่วมสูงในพื้นที่อำเภอสังขะ (23 กันยายน 2568) สถานการณ์อ่างเก็บน้ำวิกฤตเกินความจุ – เตรียมรับมือน้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่

จากข้อมูลการตรวจสอบระดับน้ำล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Thaiwater.net ( ณ วันที่ 23 กันยายน 2568) พบว่าสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำหลักของจังหวัดสุรินทร์อยู่ในขั้นน่าวิตก โดยส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำเกินกว่าระดับความจุอ่าง

อ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่ในจังหวัดมีปริมาณน้ำเกิน 100% ของความจุเก็บกักแล้ว โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

อ่างเก็บน้ำลำพอก : มีปริมาณน้ำสูงถึง 120% ของความจุอ่าง สูงที่สุดในจังหวัด

อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง : ปริมาณน้ำอยู่ที่ 83% ของความจุ

อ่างเก็บน้ำห้วยเชิง : ปริมาณน้ำอยู่ที่ 70% ของความจุ

อ่างเก็บน้ำห้วยด่าน : ปริมาณน้ำอยู่ที่ 23% ของความจุ ซึ่งเป็นอ่างเดียวที่ยังมีปริมาณน้ำอยู่ในระดับต่ำ

สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงสูงที่น้ำจะล้นตลิ่งอ่างและไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลอำเภอสังขะ ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 22 กันยายน 2568 เกิดน้ำท่วมขังในระดับความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร พื้นที่ได้รับผลกระทบคิดเป็นร้อยละ 60 ของพื้นที่ในเขตเทศบาล ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22 ถึงเช้าวันนี้ (23 กันยายน 2568)

Watch-out-for-flooding-overflowing-rivers-and-river-bank-SPACEBAR-Photo04.jpg

ทางการเทศบาลอำเภอสังขะได้เร่งอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และได้ปิดการจราจรในบางเส้นทางเพื่อความปลอดภัย ขอให้ประชาชนที่ต้องเดินทางผ่านพื้นที่โปรดเพิ่มความระมัดระวังและปฏิบัติตามป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด

โดยคาดว่าน้ำจากอำเภอสังขะจะถูกระบายไปยังพื้นที่ต่อเนื่องได้แก่อำเภอศรีณรงค์ อำเภอศรีขรภูมิ และอำเภอสำโรงทาบ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำมูลในพื้นที่อำเภอรัตนบุรีและอำเภอโนนนารายณ์ในลำดับสุดท้าย

ขณะเดียวกันข้อมูลจาก Thaiwater.net รายงานว่าระดับน้ำในแม่น้ำโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างไรก็ดี พบ 2 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษเนื่องจากมีระดับน้ำสูง ได้แก่ ตำบลหมื่นศรี อำเภอสำโรงทาบ และตำบลกระเบื้อง อำเภอชุมพลบุรี ขอให้ประชาชนในสองพื้นที่นี้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำอาจล้นตลิ่ง

Watch-out-for-flooding-overflowing-rivers-and-river-bank-SPACEBAR-Photo05.jpg

‘สทนช.’ เฝ้าระวังน้ำหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ระดับน้ำแม่น้ำโขงและแม่น้ำเจ้าพระยา

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 23 ก.ย. 68 เวลา 7.00 น. ระบุว่า สทนช.ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในช่วงวันที่ 25 – 30 กันยายน 2568 ดังนี้

1.พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน บริเวณ จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร

2.พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้

ภาคเหนือ บริเวณ จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง น่าน พะเยา พิษณุโลก อุตรดิตถ์ อุทัยธานี เพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี

ภาคตะวันออก บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด

ภาคใต้ บริเวณ จ.ชุมพร ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง นราธิวาส

3.เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก

4.เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ แม่น้ำสาย บริเวณ อ.แม่สาย จ.เชียงราย แม่น้ำยม บริเวณ อ.เมืองแพร่ สอง และวังชิ้น จ.แพร่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

แม่น้ำห้วยหลวง บริเวณ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ลำน้ำยัง บริเวณ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด แม่น้ำชี บริเวณ อ.มหาชนะชัย อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ แม่น้ำมูล บริเวณ อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี

แม่น้ำท่าจีน บริเวณ อ.เมืองสุพรรณบุรี บางปลาม้า และสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี อ.บางเลน และนครชัยศรี จ.นครปฐม แม่น้ำป่าสัก บริเวณ อ.เมืองเพชรบูรณ์ หล่มสัก และวิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ อ.เสาไห้ และวังม่วง จ.สระบุรี อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

5.เฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีปริมาณฝนตกสะสม บริเวณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มส่งผลกระทบพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ จ.เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

6.เฝ้าระวังผลกระทบจากกรณีการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น และล้นตลิ่ง บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อย อ.เสนา และผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา อ.เมืองสิงห์บุรี อินทร์บุรี และพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อ.ไชโย และป่าโมก จ.อ่างทอง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท พร้อมทั้งเฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ

กรมอุตุฯ เตือนพายุ ‘รากาซา’ ถล่ม 23–26 ก.ย. ฝนตกหนักทั่วไทย เสี่ยงน้ำท่วม

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่องพายุและฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 3 เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (23 กันยายน 2568) พายุไต้ฝุ่น ‘รากาซา’ บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.9 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้เกาะฮ่องกง และเคลื่อนผ่านแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศจีน ผ่านเกาะไหหลำเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ยในวันที่ 25 ก.ย. 68 และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน ก่อนเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน จากนั้นมีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุม ในช่วงวันที่ 25–26 ก.ย. 68

จากอิทธิพลของพายุ ‘รากาซา ‘ส่งผลให้ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รวมถึงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 23–26 ก.ย. 68 ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่

ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น

โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 24–26 ก.ย. 2568

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์