นักวิชาการชี้ ‘MOU แร่แรร์เอิร์ธ ไทย-สหรัฐฯ’ เป็นการชักศึกเข้าบ้าน เปิดช่องมหาอำนาจแสวงหาผลประโยชน์

28 ต.ค. 2568 - 08:24

  • นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมเตือน ‘MOU แร่แรร์เอิร์ธไทย-สหรัฐฯ’ เปิดช่องมหาอำนาจแสวงหาผลประโยชน์ จี้เปิดแผนอย่างโปร่งใส ยุติการนำเข้าแร่ CTM จากเมียนมา

  • เผยชาวบ้านเชียงราย-เชียงใหม่ไร้ที่พึ่ง รัฐบาลเมินแก้ปัญหามลพิษข้ามแดน มองข้ามผลกระทบจากการทำเหมืองแร่จากเพื่อนบ้าน

นักวิชาการชี้ ‘MOU แร่แรร์เอิร์ธ ไทย-สหรัฐฯ’ เป็นการชักศึกเข้าบ้าน เปิดช่องมหาอำนาจแสวงหาผลประโยชน์

ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เปิดเผยถึงกรณีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ว่า ได้ตั้งข้อสังเกตว่า แร่สำคัญหรือ Critical Minerals (CTM) มีอย่างน้อย 60 ชนิด โดยมีแร่หายาก หรือ Rare Earth Elements (REE) เป็นหนึ่งใน CTM เท่านั้น

จึงเห็นชัดเจนว่าชื่อของ MOU เน้นไปที่แร่ CTM เนื่องจากครอบคลุมแร่หลายสิบชนิดไม่ว่าจะเป็น แมงกานีส ดีบุก ตะกั่ว พลวง ไปจนถึง REEการทำความเข้าใจ MOU จึงต้องมุ่งเน้นทำไปที่แร่ CTM ทั้งหมด มิใช่แค่แร่แรร์เอิร์ธเท่านั้น

Academics point out that the Rare Earth MOU is bringing conflict into the country-SPACEBAR-Photo01-1.jpg

ทั้งนี้ แร่แรร์เอิร์ธ มีความสำคัญมาก สังเกตได้จากเมื่อหลายเดือนก่อนในปีนี้ สหรัฐอเมริกาพยายามเข้าไปขอมีส่วนแบ่งแร่แรร์เอิร์ธในเมียนมาถึงขั้นที่ส่งผู้แทนเดินทางไปเยือนรัฐคะฉิ่นมาแล้ว จึงมีความเป็นไปได้ว่า MOU  เป็นการเปิดฉากอย่างเป็นทางการของสหรัฐอเมริกาในการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากแร่แรร์เอิรธ์ โดยใช้ประเทศไทยเป็นข้อต่อสำคัญของห่วงโซ่อุปทานแร่

นอกจากนี้ ประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าแร่ CTM จากประเทศเมียนมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมาจากจังหวัดเชียงรายถึงจังหวัดระนอง

ดร.สืบสกุล กล่าวอีกว่า ได้ตั้งคำถามไปว่า ห่วงโซ่แร่ CTM  ที่ไทยนำเข้าจากเมียนมาเป็นอย่างไร ใครนำเข้าแร่ CTM ไทยนำเข้าแร่ CTM แล้วจัดการแปรรูป ส่งออกไปยังประเทศที่สามต่อหรือไม่ อย่างไร?

ทั้งนี้ หากดูตัวเลขการนำเข้าแร่ CTM ที่ปรากฏอย่างเป็นทางการของกรมศุลกากรของไทยนั้นเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของปริมาณการนำเข้าแร่ที่แท้จริงเท่านั้น เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่ามีการนำเข้าแร่ CTM เข้ามาในประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการ ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาเป็นจำนวนมาก

หากพิจารณาจะพบว่ากองกำลังชาติพันธุ์กลุ่มต่างๆ ที่อยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมาคือผู้มีส่วนได้เสียสำคัญจากห่วงโซ่อุปทานแร่ CTM จากการเป็นเจ้าของพื้นที่เหมืองแร่ หรือทำเหมืองแร่ด้วยตัวเอง กลุ่มกองกำลังชาติพันธ์หารายได้สำคัญจากเหมืองแร่ CTM ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ กลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์ในฝั่งเมียนมาล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์อันดีกับนักธุรกิจไทย หน่วยงานรัฐของไทย รวมถึงประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย

“เหตุดังกล่าวจึงเป็นได้ว่า MOU จะเป็นช่องทางสำคัญของการให้กองกำลังชาติพันธุ์ในเมียนมาเข้ามามีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานแร่ CTM อย่างเป็นทางการและชอบธรรมมากขึ้น”

“สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ประชาชนในลุ่มน้ำกกแม่น้ำสาย แม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง ยิ่งตกอยู่ในความเสี่ยงของปัญหามลพิษข้ามพรมแดนภายใต้ MOU ฉบับนี้มากขึ้น เนื่องจากภายหลังจากเซ็น MOU ผู้นำรัฐบาลไทยได้ประกาศต่อสาธารณะว่าเรากำลังก้าวเข้าไปสู่การได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากห่วงโซ่อุปทานแร่ CTM”

Academics point out that the Rare Earth MOU is bringing conflict into the country-SPACEBAR-Photo02.jpg

ดร.สืบสกุล กล่าวด้วยว่า หากจะตั้งข้อสังเกต แต่ใน MOU ไม่มีการกล่าวถึงเรื่องการทำธุรกิจที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมแม้แต่น้อย ไม่ได้กล่าวถึงปัญหาผลกระทบข้ามพรมแดนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่าจะจัดการอย่างไร

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงท่าทีของรัฐบาลอนุทิน พบว่าไม่มีนโยบายใดๆ ในการแก้ไขปัญหาเหมืองแร่ในเมียนมา ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนในลุ่มน้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง ซึ่งภาคประชาชนได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีอนุทินแล้วพร้อมมีข้อเรียกร้อง 10 ข้อ แต่นายกรัฐมนตรีก็มิได้ตอบสนองแต่อย่างใด

“ดังนั้น อยากเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและสหรัฐต้องเปิดเผยแผนการให้ประชาชนได้รับทราบว่ามีแผนดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนที่ต้องรับรู้เป็นเบื้องต้น”

“พร้อมกันนี้ฐบาลไทยต้องยุติการนำเข้าแร่ CTM ทั้งหมดจากเมียนมา พร้อมทั้งเปิดเผยที่ตั้งเหมืองแร่ทั้งหมดในเมียนมาที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าแร่ เพื่อพิสูจน์ให้ประชาชนรับทราบถึงความเชื่อมโยงระหว่างมลพิษในแม่น้ำกับเหมืองแร่”

“ที่สำคัญทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในเกมการปรับความสัมพันธ์เชิงอำนาจใหม่ของมหาอำนาจโลก แต่ประชาชนชาวไทยกำลังแบกรับภาระทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่พวกเราไม่ได้ก่อขี้น”

Academics point out that the Rare Earth MOU is bringing conflict into the country-SPACEBAR-Photo04.jpg

ด้าน ดร.เสถียร ฉันทะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ปัญหามลพิษข้ามแดนจากการทำเหมืองแร่ในประเทศเมียนมา ที่ส่งผลกระทบต่อชาวเชียงราย และชาวเชียงใหม่ แม้จะมีการส่งหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว ก็ยังไม่มีการตอบรับใดๆ ทำให้มองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาใดๆ ให้กับคนในพื้นที่ที่เรียกร้องกันมานานแล้ว

“เมื่อรัฐบาลไทยกับสหรัฐอเมริกา มีการลงนาม MOU แร่แรร์เอิร์ธ นั้น ทำให้มองว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้พิจารณาว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นกับประชาชนในประเทศไทยหรือไม่ และหากว่าจะต้องมีการสำรวจแหล่งแร่แรร์เอิร์ธในประเทศไทยจากการลงนามในครั้งนี้ จะเกิดผลกระทบอย่างไรกับประชาชน และหากว่าจะมีการทำเหมืองแร่ในประเทศไทย จะรับมืออย่างไร”

“ในวันนี้ ชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไปเซ็น MOU ทั้งที่ปัญหาในพื้นที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข สร้างความกังวลให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก” ดร.เสถียร กล่าว

ดร.เสถียร ยังมองว่า ทั้งสหรัฐอเมริกา และจีน ต่างแย่งชิงทรัพยากรในอาเซียน ทำให้ประเทศไทยถูกจับตาว่าการลงนาม MOU ในครั้งนี้ น่าจะถูกวางให้เป็นจิ๊กซอให้สหรัฐอเมริกาแสวงหาแหล่งแร่ในประเทศแล้ว ยังจะเป็นพื้นที่เชื่อมโยงไปยังเพื่อนบ้านด้วย ที่สำคัญ จีนก็เป็นผู้ที่มีบทบาทในตลาดแร่หายาก และมีแหล่งผลิตทั้งในเมียนมา และ สปป.ลาว 

ดังนั้นในมุมของจีนไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อไทยไป MOU กับสหรัฐอเมริกา เพื่อแชร์ทรัพยากรในพื้นที่อิทธิพลของจีนก็คงต้องข้อสงสัย แต่จีนจะแสดงออกแบบไหนเป็นเรื่องที่น่าจับตามองหลังจากนี้

Academics point out that the Rare Earth MOU is bringing conflict into the country-SPACEBAR-Photo03.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์