หอการค้าชายแดนไทย-เมียนมา เสนอ ‘รัฐบาลอนุทิน’ ปลดล็อก ‘มาตรการ 3 ตัด’ ปราบคอลเซ็นเตอร์ ชี้กระทบ ประชาชนสองฝั่งเดือดร้อน

23 ก.ย. 2568 - 02:09

  • ‘มาตรการ 3 ตัด’ ปราบคอลเซ็นเตอร์ กระทบ ปชช.-การค้าชายแดนไทย-เมียนมา เดือดร้อน หอการค้าเชียงรายผนึกตาก ชงข้อเสนอเตรียมยื่น ‘รัฐบาลอนุทิน’ ปลดล็อค

  • หอการค้าเมียวดี ส่งหนังสือถึงผู้ว่าฯ ตาก เสนอให้ฝ่ายปกครอง 2 ประเทศ รับรองการใช้กระแสไฟฟ้า-น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างถูกต้อง

  • ด้านนักวิชาการ ชี้ปราบคอลเซ็นเตอร์ตัดวงจรยาก เหตุเพื่อนบ้านขาดเสถียรภาพทางการเมือง

หอการค้าชายแดนไทย-เมียนมา เสนอ ‘รัฐบาลอนุทิน’ ปลดล็อก ‘มาตรการ 3 ตัด’ ปราบคอลเซ็นเตอร์ ชี้กระทบ ประชาชนสองฝั่งเดือดร้อน

ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า เป็นเวลา 9 เดือนที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้ามอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้รับผลกระทบจากมาตราการ 3 ตัด ทำให้มีผลกระทบต่อบรรยากาศการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว เข้าใจว่าในด้านนโยบายความมั่นคงมีความสำคัญ และปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ แต่ต้องมีความชัดเจนในทางปฎิบัติว่า นับจากนี้การค้าขายชายแดนกับประเทศเมียนจะมีทิศทางอย่างไรต่อไป เพราะที่ผ่านมา อำเภอแม่สาย เป็นประตูหน้าด่านสำคัญในการส่งออกไปยังเขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมา

Thai-Myanmar-Border-Chamber-Commerce-proposed-government-lift-3 Cuts-measure-SPACEBAR-Photo V03.jpg

ตลอดเวลาทั้งทางการไทย ทางการเมียนมา ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการขยายผลจับกุมอย่างต่อเนื่อง ทางรัฐบาลไทยต้องทบทวน หรือกำหนดพื้นที่เสี่ยงให้ชัดเจน เพื่อให้เพื่อนบ้านที่พึ่งพาทั้งไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทย ได้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยลงพื้นที่อำเภอแม่สาย หลายครั้ง ดังนั้น รัฐบาลชุดใหม่ ต้องเข้ามาแก้ไขให้การค้าชายแดนเดินต่อไปได้อย่างราบรื่น ควบคู่กับการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ถึงแม้จะปราบปรามก็มีการเคลื่อนไหวกระจายไปพื้นที่ต่างๆ

ด้าน บรรพต ก่อเกียรติเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ หอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางหอการค้าจังหวัดตากได้สะท้อนปัญหาให้กับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาโดยตลอด ถึงผลดีผลเสียของการใช้มาตราการ3ตัด ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะไปแก้ไขในประเทศเมียนมา เพราะยังขาดเสถียรภาพทางการเมือง แต่เห็นด้วยที่จะบังคับใช้กฎหมาย เพื่อความมั่นคงของประเทศ

Thai-Myanmar-Border-Chamber-Commerce-proposed-government-lift-3 Cuts-measure-SPACEBAR-Photo V02.jpg

“ถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ ต้องเข้ามาสานต่อ และกำหนดทิศทางนโยบายในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ชัดเจน รวมถึงการปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เพราะหากปล่อยเวลาเนิ่นนาน ไม่เพียงแต่กระทบทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ทางฝั่งเพื่อนบ้านในกลุ่มภาคประชาชน และภาคธุรกิจได้รับผลกระทบมากกว่า และยังทำให้ไทยสูญเสียโอกาสทางการค้าชายแดนโดยเฉพาะการค้าผ่านแดนจากประเทศที่3”

ตินติน เมียะ ประธานหอการค้าจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดเมียวดี ได้ทำหนังสือส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ขอเปิดใช้ไฟฟ้า และขอให้เปิดการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิง หลังจากทางรัฐบาลไทย ได้ใช้มาตรการตัดน้ำมันเชื้อเพลิง ตัดไฟฟ้า และตัดสัญญานอินเตอร์เน็ตตั้งแต่วันที่5กุมภาพันธ์ 2568เป็นต้นมา ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ภาครัฐ และธุรกิจในจังหวัดเมียวดีได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แม้จะมีการใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า และโซลาร์เซลส์ แต่ไฟฟ้าก็ไม่เพียงพอ และขาดน้ำมันเชื้อเพลิง

Thai-Myanmar-Border-Chamber-Commerce-proposed-government-lift-3 Cuts-measure-SPACEBAR-Photo V01.jpg

“ดังนั้น อยากให้ทางรัฐบาลไทยทบทวน เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการค้าไทย-เมียนมาให้กลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยทางจังหวัดเมียวดี และภาคเอกชนจะเป็นผู้ดูแลการใช้ไฟฟ้าให้เข้าถึงกลุ่มประชาชน ภาครัฐ และภาคธุรกิจที่ดำเนินการอย่างถูกต้องในพื้นที่เป้าหมาย เท่านั้น

โดยทางจังหวัดเมียวดี จะลงพื้นที่สำรวจความต้องการใช้ไฟฟ้า และนำเสนอข้อมูลต่อฝ่ายปกครองของทั้ง2ประเทศ ส่วนความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลวันละ 80,000 ลิตร และน้ำมันเบนซินวันละ 40,000 ลิตร”

Thai-Myanmar-Border-Chamber-Commerce-proposed-government-lift-3 Cuts-measure-SPACEBAR-Photo V04.jpg

ขณะที่ ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ การเมือง และสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ภาวะสงคราม และความไม่สงบภายในประเทศเมียนมาเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป และที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ในพื้นที่อิทธิพลของชนกลุ่มน้อย ที่ยังต้องการรายได้เข้ามาสนับสนุน อีกทั้งรัฐบาลเมียนมาร์ ก็ไม่สามารถควบคุมกองกำลังชนกลุ่มน้อยได้ และไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้น แม้จะถูกปราบปรามอย่างต่อเนื่องก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หายไป แต่ยังคงมีการเคลื่อนไหวไปในพื้นที่ต่างๆ ตามแนวชายแดนของเพื่อนบ้าน

แม้ว่าขณะนี้จะมีภาคเอกชน ขอให้มีการทำทบทวนการยกเลิกมาตรการ 3 ตัด เพราะผลกระทบเกิดขึ้นกับประชาชนในวงกว้างในเมือวชายแดน ทั้งความเป็นอยู่ การค้าขาย และการรับบริการทางการแพทย์ เป็นไปด้วยความลำบาก แต่เชื่อว่าภาครัฐกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้าว่าจะดำเนินการอย่างไร อาจจะเปิดเฉพาะพื้นที่ในการคืนไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ทุกฝ้ายควบคุมได้ ว่าจะไม่เป็นแหล่งสนับสนุนให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ซึ่งทุกวันนี้ถามว่ามาตรการ3ตัดกระทบต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ ตอบว่าน้อยมาก เพราะกลุ่มเหล่านี้มีเงินทุนในการซื้อน้ำมันเชื้อเพลิและใช้เครื่องปั่นไฟจากแหล่งอื่นจากจังหวัดชั้นในของเมียนมา”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์