นครรัฐวาติกัน กำลังก้าวสู่ความเป็นรัฐชาติแรกของโลกที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emissions) หลังจากที่รัฐบาลอิตาลีให้ไฟเขียวแผนสร้างโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่บนพื้นที่ 430 เฮกตาร์ (เนื้อที่ราว 2,530 ไร่) ทางตอนเหนือของกรุงโรม ซึ่งเคยเป็นพื้นที่โรงไฟฟ้าวิทยุที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียงทางตอนเหนือของกรุงโรม โดยมีเป้าหมายเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้เพียงพอต่อการใช้งานของวาติกันทั้งหมด และหากเกินจากปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ก็จะส่งต่อไปให้ชุมชนท้องถิ่นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
โซลาร์ฟาร์มแห่งใหม่ บนพื้นที่เดิมที่ตัวปัญหา
สำหรับพื้นที่ Santa Maria di Galeria อยู่ห่างจากกรุงโรมประมาณ 35 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเสาอากาศวิทยุกว่า 20 ต้น ของ Vatican Radio ซึ่งส่งคลื่นวิทยุสู่ผู้ฟังทั่วโลกตั้งแต่ทศวรรษ 1950 แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พื้นที่นี้กลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อชาวบ้านร้องเรียนเรื่อง ผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าอาจเชื่อมโยงกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แม้ว่าวาติกันจะปฏิเสธว่ามีความเชื่อมโยงโดยตรง ในปี 2012 วาติกันตัดสินใจลดเวลาส่งสัญญาณลงครึ่งหนึ่ง โดยอ้างเหตุผลเรื่องการประหยัดต้นทุนและความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี

ข้อตกลงร่วมอิตาลีว่าด้วยพลังงานสะอาด
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา วาติกันและรัฐบาลอิตาลีได้ลงนามข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ โดยมี พระอัครสังฆราชพอล กัลลาเกอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของวาติกัน และ ฟรานเชสโก ดี นิตโต เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำนครรัฐวาติกัน ร่วมลงนามในข้อตกลง โดยระบุว่า จะยังคงใช้พื้นที่เพื่อการเกษตรควบคู่ไปกับฟาร์มโซลาร์เซลล์ โดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด และวาติกันจะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากอิตาลี แต่จะไม่ได้รับสิทธิสนับสนุนการเงินแบบเดียวกับพลเมืองอิตาลี ส่วนอิตาลีจะสามารถนับรวมการผลิตไฟฟ้านี้ในเป้าหมายพลังงานสะอาดของสหภาพยุโรป (EU) ทั้งนี้ ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกใช้ภายในวาติกันทั้งหมด และไฟส่วนเกินจะมอบให้กับชุมชนท้องถิ่นใกล้เคียง
เจ้าหน้าที่วาติกันประเมินว่าโครงการนี้จะใช้งบประมาณไม่เกิน 100 ล้านยูโร (ราว 114 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และหากผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอิตาลี ก็จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมการประมูลเพื่อดำเนินการก่อสร้าง

จากคำสอนสู่การกระทำ เส้นทางสีเขียวของพระสันตะปาปา
โครงการนี้เกิดขึ้นจาก พระประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ที่ทรงผลักดันเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และหันมาใช้พลังงานสะอาดเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน
ล่าสุด ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ได้เสด็จเยี่ยมพื้นที่ซานตา มาเรีย ดิ กาเลเรีย และทรงประกาศว่าจะเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์ของพระสันตะปาปาฟรังซิสอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งใช้บทสวดและบทอ่านใหม่ที่เน้นประเด็นสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านนิเวศวิทยาในหมู่ผู้นับถือศาสนา
ความหวังของโลกใบใหญ่ อาจมาจากจุดเปลี่ยนของรัฐขนาดจิ๋ว
แม้ว่าวาติกันจะเป็นเพียง “รัฐจิ๋ว” ที่มีประชากรราว 1,000 คน แต่ก้าวเล็กๆ ในด้านพลังงานสะอาดครั้งนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้รัฐอื่นๆ บนโลกหันมาลงมือทำจริงจังกับเรื่องการลดคาร์บอน และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล