รายงาน “ดัชนีการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับจังหวัด” (Provincial SDG Index) ซึ่งจัดทำโดยศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับเครือข่ายภาคและหน่วยงานรัฐ-เอกชนใน 6 ภูมิภาค พบว่า จังหวัดขอนแก่นครองอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยคะแนน 62.38 จาก 100 คะแนนเต็ม โดยประเมินจากกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)
สำหรับผลการประเมินครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วไทย โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิระดับจังหวัดที่มีความสอดคล้องกับดัชนี SDGs ระดับสากล ผนวกกับตัวชี้วัดเฉพาะพื้นที่ และประเมินตามหลัก 5Ps ของ UN ได้แก่ Planet (สิ่งแวดล้อม), Peace (สันติภาพและสถาบัน), Prosperity (เศรษฐกิจ), People (สังคม) และ Partnership (หุ้นส่วนการพัฒนา)
ประเทศไทยภาพรวม SDG Index เฉลี่ย 54.34 คะแนน
ภาพรวมระดับประเทศพบว่า ประเทศไทยมีค่าเฉลี่ย SDG Index อยู่ที่ 54.34 คะแนน โดยมีเพียงไม่กี่จังหวัดที่ทำคะแนนเกิน 60 ขึ้นไป ซึ่งบ่งชี้ถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันมีหลายจังหวัดที่คะแนนยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคะแนนเต็ม สะท้อนถึง “ช่องว่างเชิงระบบ” ที่ยังต้องการการสนับสนุนอย่างเร่งด่วน
มิติที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดคือ Planet (66.58 คะแนน) ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ Partnership (34.42 คะแนน) เป็นด้านที่ทำคะแนนต่ำที่สุดในภาพรวม

Top 10 จังหวัดที่ทำคะแนน SDGs สูงสุด
- ขอนแก่น – 62.38 คะแนน
- ตราด – 62.20 คะแนน
- จันทบุรี – 61.73 คะแนน
- บึงกาฬ – 60.72 คะแนน
- มหาสารคาม – 60.42 คะแนน
- นนทบุรี – 60.31 คะแนน
- ฉะเชิงเทรา – 60.21 คะแนน
- สงขลา – 59.92 คะแนน
- บุรีรัมย์ – 59.92 คะแนน
- สมุทรปราการ – 59.21 คะแนน
ขณะที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 19 ด้วยคะแนน 57.71
10 จังหวัดที่มีความท้าทายสูง
- แม่ฮ่องสอน – 32.74 คะแนน (ต่ำสุด)
- นราธิวาส – 41.65 คะแนน
- ตาก – 42.84 คะแนน
- เชียงใหม่ – 45.58 คะแนน
- เชียงราย – 45.68 คะแนน
- เพชรบูรณ์ – 48.44 คะแนน
- แพร่ – 48.86 คะแนน
- ปัตตานี – 48.86 คะแนน
- อุตรดิตถ์ – 49.10 คะแนน
- นครสวรรค์ – 49.58 คะแนน
จะเห็นว่า 8 ใน 10 จังหวัดที่มีคะแนนต่ำสุด อยู่ใน ภาคเหนือ สะท้อนความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ในมิติต่างๆ เช่น สังคม เศรษฐกิจ และการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐาน

ภาพรวมดัชนี SDGs ทั้ง 6 ภาค
ภาคเหนือ คะแนนมีการกระจายตัวค่อนข้างหลากหลายโดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูง เช่น ลำพูน พิจิตร และจังหวัดที่มีคะแนนต่ำ เช่น แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงใหม่ สะท้อนถึงความแตกต่างของการพัฒนาที่ยั่งยืนในแต่ละพื้นที่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คะแนนมีการกระจายมีคะแนนเฉลี่ยในระดับภาคที่ใกล้เคียงกับคะแนนเฉลี่ยในระดับประเทศ โดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูงกว่า 60 คะแนนขึ้นไป เช่น บึงกาฬ ขอนแก่น มหาสารคาม ขณะเดียวกันมีจังหวัดที่มีคะแนนต่ำอย่างผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ศรีสะเกษ มุกดาหาร แต่โดยภาพรวมในทุกจังหวัดมีคะแนนเฉลี่ยที่อยู่ในระดับปานกลาง
ภาคกลาง คะแนนมีการกระจายคะแนนเฉลี่ยในระดับภาคที่สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยในระดับประเทศ โดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูงกว่า 60 คะแนนขึ้นไป เช่น นนทบุรี ขณะเดียวกันมีจังหวัดที่มีคะแนนต่ำอย่างผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นในภาคกลาง เช่น ชัยนาท แต่โดยภาพรวมในทุกจังหวัดมีคะแนนเฉลี่ยที่อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี กล่าวคือมากกว่า 54 คะแนน
ภาคตะวันออก คะแนนมีการกระจายตัวค่อนข้างใกล้เคียงกันโดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูงสุด ได้แก่ ตราด และจังหวัดที่มีคะแนนต่ำสุด ได้แก่ สระแก้ว สะท้อนถึงความยั่งยืนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่
ภาคใต้ คะแนนมีการกระจายค่อนข้างใกล้เคียงกันโดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูงอย่างสงขลา ไปจนถึงจังหวัดที่มีคะแนนต่ำ นครศรีธรรมราช สะท้อนถึงความแตกต่างของการพัฒนาที่ยั่งยืนในแต่ละพื้นที่
ส่วน ภาคใต้ชายแดน จังหวัดในภาคใต้ชายแดนคะแนนมีการกระจายที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด อยู่ในช่วง 40-50 คะแนน ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคใต้ชายแดนยังคงมีช่องว่างในการพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ดังนั้น การกระจายตัวของคะแนนในแต่ละภาคสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างจังหวัด ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความแตกต่างในการเข้าถึงทรัพยากร โอกาส และบริการพื้นฐาน ในภาพรวมระดับประเทศ พบว่าจังหวัดที่มีคะแนนต่ำอาจเผชิญกับความท้าทายเชิงระบบที่ซับซ้อน ทั้งข้อจำกัดด้านงบประมาณ บุคลากร และความสามารถในการบริหารจัดการ

วิเคราะห์เชิงพื้นที่: อีสานโดดเด่น-เหนือยังท้าทาย
“ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” มีจังหวัดติด Top 10 มากที่สุดถึง 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น บึงกาฬ มหาสารคาม และบุรีรัมย์ โดยมีความก้าวหน้าเด่นในด้านพลังงานสะอาด สันติภาพ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เช่น
- ครัวเรือนที่เข้าถึงน้ำสะอาด (SDG 6)
- การใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ (SDG 7)
- การลดการเผาในพื้นที่ป่าและชุมชน (SDG 11, 15)
ในทางกลับกัน “ภาคเหนือ” ส่วนใหญ่เผชิญปัญหาหนัก เช่น
- คนจน (SDG 1)
- ภาวะโภชนาการเด็ก (SDG 2)
- ความเข้มข้นของ PM2.5 (SDG 11)
- การเข้าถึงบริการดิจิทัล (SDG 9)
- คะแนนสอบ O-NET ต่ำ (SDG 4)
การพัฒนาแบบมีส่วนร่วม
SDG Move ยังจัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการในระดับภูมิภาค 6 ครั้ง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2568 เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละพื้นที่ ข้อมูลเชิงคุณภาพจากเวทีเหล่านี้นำไปเปรียบเทียบกับผล SDG Index และพบว่ามีความสอดคล้องกันหลายประเด็น โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคกลาง
เป้าหมายระยะยาว ยกระดับ SDG ไทยสู่เวทีโลก
หนึ่งในเป้าหมายของโครงการ Area Need คือการผลักดัน อันดับ SDG Index ของประเทศไทยในเวทีโลก ให้ขยับจากอันดับที่ 43 ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 35 ของโลก ภายในปี 2023 – 2027 โดยใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่และเชิงระบบในการกำหนดนโยบายแบบฐานข้อมูล (Evidence-based policy)
ดัชนีนี้มีไว้เพื่อใคร?
ดัชนี SDG ระดับจังหวัดไม่ได้มีเป้าหมายแค่การจัดอันดับ หากแต่เป็น “เครื่องมือ” ให้ผู้กำหนดนโยบาย ท้องถิ่น นักวิจัย และภาคประชาสังคม ใช้ในการวางแผนขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับพื้นที่ หากสามารถยกระดับดัชนีได้ ย่อมหมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประชาชนในพื้นที่นั้นอย่างแท้จริง