ด้านมืดของพลาสติก กระทบสิ่งแวดล้อม-สุขภาพเสียหายราว 50 ล้านล้านบาทต่อปี

5 ส.ค. 2568 - 00:53

  • รายงานการแพทย์เตือน วิกฤตพลาสติกโลกกำลังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอย่างมหาศาล คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

ด้านมืดของพลาสติก กระทบสิ่งแวดล้อม-สุขภาพเสียหายราว 50 ล้านล้านบาทต่อปี

รายงานล่าสุดจากวารสารการแพทย์ชั้นนำ The Lancet เตือนว่าโลกกำลังเผชิญกับ “วิกฤตพลาสติก” ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในทุกช่วงวัย ตั้งแต่ทารกในครรภ์จนถึงผู้สูงอายุ โดยมีมูลค่าความเสียหายด้านสุขภาพสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทยราว 48.93 ล้านล้านบาท

“พลาสติก” เป็นวัสดุที่ผลิตจากฟอสซิลกว่า 98% ซึ่งตลอดกระบวนการผลิตปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่ากับ 2,000 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี มากกว่าการปล่อยก๊าซของประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซอันดับ 4 ของโลก นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเผาขยะพลาสติกในที่โล่งซึ่งยังพบเป็นจำนวนมากทั่วโลก อีกส่วนที่เลวร้ายไม่แพ้กันคือปัญหาการปนเปื้อนของ “ไมโครพลาสติก”ในแหล่งน้ำ และดินตามธรรมชาติ ตลอดจนมีการศึกษามากมายที่พบว่าไมโครพลาสติกแทรกซึมอยู่ในอวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายของมนุษย์

ยอดผลิตพลาสติกพุ่งกว่า 200 เท่า และจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณในปี 2060

การผลิตพลาสติกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้พลาสติกในทุกมิติของชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเข้าทางลดต้นทุนการผลิต โดยจากสถิติพบว่า ผลผลิตพลาสติกพุ่งกว่า 200 เท่า ตั้งแต่ปี 1950 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า (หรืออาจสูงถึง 1,200 ล้านตันต่อปี) ภายในปี 2060 หากโลกยังหาจุดยืนเรื่องนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่น ขวดน้ำและบรรจุภัณฑ์อาหาร ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่สำคัญ

pitfalls_of_thinking_regarding_plastic_recycling_SPACEBAR_Photo03.jpg

แม้ว่าจะมีการรณรงค์รีไซเคิล แต่รายงานชี้ว่าการรีไซเคิลไม่สามารถแก้วิกฤตนี้ได้ เพราะพลาสติกมีโครงสร้างเคมีซับซ้อน แตกต่างจากวัสดุอื่นๆ เช่น กระดาษหรือแก้ว ซึ่งทำให้การรีไซเคิลมีข้อจำกัดและไม่สามารถรองรับปริมาณพลาสติกที่เพิ่มขึ้นได้

มลพิษจากพลาสติกเลวร้ายลงอย่างมาก โดยขณะนี้มีขยะพลาสติกกว่า 8,000 ล้านตันที่ปนเปื้อนอยู่ทั่วโลก และมีพลาสติกที่ถูกนำเข้ากระบวนการรีไซเคิลจริงน้อยกว่า 10%

รายงาน ระบุ

  • แทบทุกที่บนโลกมี “ไมโครพลาสติก” ไม่เว้นแม้แต่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ ณ ความสูง 8,440 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
  • กรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในตะกอนดินบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง นั่นแปลว่า “มันอยู่บนดินที่เราเหยียบ”
  • โดยเฉลี่ยแล้วเรากินไมโครพลาสติก 5 กรัมต่อสัปดาห์ หรือ 240 กรัมต่อปี เทียบเท่ากับเขมือบบัตรเครดิต 1 ใบเต็มๆ ทุกปีและอาจเพิ่มขึ้นทุกขณะ

ความเสี่ยงจากพลาสติกส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพมนุษย์ตั้งแต่ช่วงชีวิตในครรภ์ พบว่าเด็กที่ได้รับสารพิษจากพลาสติกมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเกิดภาวะแท้ง คลอดก่อนกำหนด ความผิดปกติแต่กำเนิด มะเร็งในวัยเด็ก และปัญหาภาวะเจริญพันธุ์ในอนาคต

sustainability-plastic-causes-50-trillion-baht-in-annual-health-and-environmental-damages-SPACEBAR-Photo01.jpg

นอกจากนี้ ไมโครพลาสติกที่มีขนาดเล็กมากสามารถสะสมในร่างกายมนุษย์ได้ผ่านทางน้ำ อาหาร และอากาศ พบในเลือด สมอง น้ำนมแม่ และอวัยวะต่างๆ แม้ผลกระทบระยะยาวยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย แต่ที่ทราบเบื้องต้นแล้วคือเชื่อมโยงกับโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือความไม่โปร่งใสในการใช้สารเคมีมากกว่า 16,000 ชนิดในพลาสติก ซึ่งหลายชนิดมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม ทว่า กลับขาดการควบคุมและการเปิดเผยข้อมูลอย่างที่ควรจะเป็น

รายงานฉบับนี้ถูกเผยแพร่ก่อนการประชุมรอบสุดท้ายของประเทศสมาชิกสหประชาชาติ เพื่อร่างอนุสัญญาระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาพลาสติกโลก แต่การเจรจายังติดขัดจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ต้องการขยายการผลิตพลาสติก กับกลุ่มประเทศที่เรียกร้องให้จำกัดการผลิตเพื่อรักษาสุขภาพประชากรและสิ่งแวดล้อม

นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่าการแก้ไขปัญหาวิกฤตพลาสติกต้องเน้นที่การ “ลดการผลิต” และลดการใช้พลาสติกอย่างจริงจังคือโฟกัสที่จุดเริ่มต้น ไม่ใช่แค่การ “รีไซเคิล” หรือการมองที่ปลายทางเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ก็เพื่อปกป้องสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ต้องยอมรับว่าวันนี้วิกฤตพลาสติกเป็นมากกว่าปัญหาขยะและมลพิษ เพราะเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพมนุษย์และระบบนิเวศในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างเด็กและประชากรยากจน การดำเนินนโยบายระดับโลกที่ชัดเจนและเข้มงวดจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันผลเสียที่จะลุกลามในอนาคต

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์