สางปมสีกา–พระผู้ใหญ่ ‘มส.’ ล้างภาพ ‘สงฆ์’ มัวหมอง

13 ก.ค. 2568 - 11:01

  • ตรวจสอบพระ 11 รูป บางรูปลาสิกขาแล้ว บางรายยังอยู่ระหว่างการยืนยันสถานะ 'มส.' มอบเจ้าคณะใหญ่เรียกชี้แจง

  • เร่งทบทวนกฎหมายสงฆ์ - ไม่ทันสมัย เตรียมปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องสถานการณ์

  • 'มหาเถรฯ' ย้ำใช้หลักธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง หากพบผิดจริงให้พักงานทันที และดำเนินการตามกฎหมาย

สางปมสีกา–พระผู้ใหญ่ ‘มส.’ ล้างภาพ ‘สงฆ์’ มัวหมอง

จากเรื่องอื้อฉาวในวงการพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นส่งผลให้ 'มหาเถระสมาคม' จัดการประชุมนัดพิเศษ เพื่อแก้ปัญหากรณีที่มี 'พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่' มีความสัมพันธ์กับ 'สีกา' ขึ้น ที่วัดบวรนิเวศวิหาร โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และได้มีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน 

'อินทพร จั่นเอี่ยม' ผู้อำนวยการสำนักพุทธแห่งชาติ ได้กล่าวว่า การหารือกันวันนี้เต็มไปด้วยข้อกัฃวล และการอภิปรายกันอย่างกว้างขว่าง โดยมีข้อสรุปประเด็นได้ 2 เรื่อง 1) เรื่องมาตรการเฉพาะหน้า ที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน และ 2) การจัดหาแนวทางป้องกันปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งต้องเข้าใจว่า พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ มีมาตั้งแต่พ.ศ 2505 บางอย่างอาจไม่ทันการและไม่ทันสมัย ดังนั้นจึงอาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่างๆของมหาเถรสมาคม เพื่อให้สอดรับสถานการณ์ในปัจจุบัน 

ในส่วนมาตรการเร่งด่วน มีความเคลื่อนไหวจาก 'พลตํารวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว' รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เข้าพบกับเจ้าคณะใหญ่ ที่ปกครองดูแลคณะสงฆ์มหานิกาย ที่วัดไตรมิตรฯ ซึ่งได้มีการนำรายชื่อ 'พระสงฆ์ที่ปรากฏในข่าวอื้อฉาว' จำนวน 11 รูป ขอให้ดำเนินการในทางสงฆ์ 

โดย การดำเนินการจะมี 2 กรณี 1) สำหรับพระสงฆ์ 11 รูป มีปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าได้มีการลาสิกขาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในพระธรรมวินัยไม่สามารถดำเนินการได้เพราะสิ้นสุดความเป็นพระสงฆ์แล้ว ส่วนหากมีหลักฐานพบเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญา ก็จะเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามกฎหมาย 2) พระที่ยังไม่สามารถยืนยันสถานะในปัจจุบันได้นั้น ทางกรรมการมหาเถรสมาคมได้มอบหมายเจ้าคณะใหญ่ในแต่ละพื้นที่ ให้ทำหนังสือเรียกตัวพระที่ปรากฏรายชื่อ ชี้แจงข้อเท็จจริง หากไม่มาตามกำหนดก็ถือว่าละทิ้งต่อหน้าที่ ก็จะดำเนินการตามจริยาพระสังฆาธิการ ซึ่งอาจถูกปลดหรือถูกถอดถอนตามกฎมหาเถรสมาคมต่อไป  

"เรายังมีความห่วงใยเรื่องพยานหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งการดำเนินการเอาผิดต่อผู้กระทำความผิด ตามพระธรรมวินัย หรือการกระทำความผิดทางอาญาก็ดี ก็ต้องมีพยานหลักฐาน และตั้งกรรมการพิจารณาโทษ ดังนั้นฝ่ายคณะสงฆ์จึงให้ทางสำนักพุทธฯ ได้ประสานกับหน่ยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างตำรวจสอบสวนกลาง ทำการขอเอกสารหลักฐานที่ปรากฎ เพิ่มเติมต่อไป" 

ส่วนกรณีของ 'สีกากอล์ฟ' จะมี 'พระสงฆ์' ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่ ทางสำนักพุทธฯ ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม แต่มาตรการเร่งด่วนนั้นไม่ได้มีเฉพาะแค่แก้ปัญหาพระที่ปรากฏในชื่อข่าว 11 รูปเท่านั้น แต่ยังหมายถึงพระรูปอื่น ที่กระทำความผิดโดยใช้วิธีการเช่นเดียวกันกับกรณี 'สีกากอล์ฟ' ด้วย โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ  

  • 1) กลุ่มที่ลาสิกขาไปแล้ว 6 รูป  
  • 2) ยังไม่ยืนยันสถานะได้ 2 รูป  ซึ่งการจะยืนยันสถานะได้นั้น จะต้องมีหลักฐานเป็นรูปภาพ หรือหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร โดยทางมหาเถรฯ ได้มีมติให้เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เรียกมาชี้แจงข้อเท็จจริง หากไม่มาจะถือว่ามีโทษ  
  • 3) กลุ่มที่ยังมีสถานะพระภิกษุ 2 รูป ซึ่งมีมติให้ขอความร่วมมือ พนักงานสืบสวนสอบสวน ส่งข้อมูลให้เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง  
  • 4) ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว 1 รูป 

ขณะที่ 'รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร' ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา เปิดเผยว่า 'สมเด็จพระสังฆราช' มีพระดำริให้จัดประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ละเมิดพระธรรมวินัยโดยเร่งด่วน พร้อมทรงชี้ว่า กฎหมายคณะสงฆ์ที่ใช้มานานกว่า 50 ปีอาจไม่สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน จึงทรงมีพระนโยบายให้เจ้าคณะผู้ปกครองทุกระดับเข้มงวดในการตรวจสอบ หากพบการละเมิดวินัยสงฆ์ ให้สอบสวนตามกฎมหาเถรสมาคมโดยเร็ว 

ในกรณีที่พบความผิดร้ายแรง อาทิ ปาราชิก หรือสังฆาทิเสส หากมีพยานหลักฐานเพียงพอ ให้เจ้าคณะผู้ปกครองมีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของพระรูปนั้นทันที และนำเรื่องเสนอเจ้าคณะใหญ่พิจารณาโดยไม่ล่าช้า ทั้งนี้ มส.ไม่มีนโยบายปกปิดหรือช่วยเหลือ แต่จะดำเนินการตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายอย่างเคร่งครัด 

นอกจากนี้ มหาเถรฯ ยังมีมติให้เร่งปรับปรุงกลไกการทำงานของสำนักงานพระพุทธฯ ให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น และหาก พศ.ยังบกพร่องจะขอบิณฑบาตให้รัฐบาลร่วมวิเคราะห์ปัญหาและกำหนดแนวทางปรับโครงสร้างเพื่อให้สอดรับกับภารกิจในการคุ้มครองพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์