สาธิต บุญทองนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดน่าน เปิดเผยถึงผลกระทบจากพายุวิภา ส่งผลกระทบต่อจังหวัดน่านหนักสุดในรอบ70ปี ทำให้ภาคธุรกิจ -ภาคการท่องเที่ยวทั้งระบบ น่าจะได้รับความเสียหายเบื้องต้น ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าเสียโอกาสในการทำธุรกิจ ซึ่งถือว่ากระทบเศรษฐกิจจังหวัดน่านทั้งระบบ
“หลังจากนี้ทุกภาคส่วนต้องมาร่วมกันถอดบทเรียนว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ทำไมปริมาณน้ำกระจายวงกว้าง และผ่าพื้นที่เศรษฐกิจในตัวเมือง และหากเปรียบเทียบกับปี 2554 ที่ครั้งนั้นจังหวัดน่านได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างหนัก พบว่า ปีนี้ได้รับผลกระทบหนักกว่า และที่น่าเสียดาย คือ แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน เสียหายเกือบ 100%”


สาธิต กล่าวด้วยว่าในปีนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าระดับน้ำที่ไหลท่วมจังหวัดน่านสูงตั้งแต่ 1-3 เมตร รัฐบาลต้องเข้ามาดูเขื่อนน้ำหว้า และเขื่อนคอวัง ทำไมถึงกั้นน้ำไม่ได้ ปั่นไฟไม่ได้ จำเป็นต้องเพิ่มประตูระบายน้ำหรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้น ต้องมีการมาวิเคราะห์ และทบทวน ให้เห็นถึงการบริหารจัดการน้ำในอนาคต
“จังหวัดน่านมีห้องพัก 7,000ห้อง ทั้งระบบขับเคลื่อนไม่ได้ ต้องใช้เวลาฟื้นฟูให้กลับสู่ภาวะปกติ อย่างเร็วสุดคือ ภายในต้นปี 2569 แต่ขณะนี้ชาวน่านกลับมีความรู้สึกว่า แทบจะไม่ได้รับความสนใจในการเข้ามาเยียวยาจากภาครัฐบาล ทุกอย่างล่าช้าไปหมด ควรจะเร่งออกมาตรการเยียวยาทั้งระบบให้เร็วกว่านี้ โดยเฉพาะเม็ดเงินที่จะเติมเข้ามาให้เกิดสภาพคล่องในการฟื้นฟูทางธุรกิจ ทั้งเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย สิทธิพิเศษ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า การลดหย่อนภาษี ไม่เช่นนั้น ภาคธุรกิจจะกลับมาปกติได้อยาก เพราะขณะนี้เศรษฐกิจย่ำแย่มาก กำลังซื้อคนน้อยลง หนี้สินครัวเรือนมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น” สาธิต กล่าว

พอ.วัฒนา จันทร์ไพจิตรประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดน่าน กล่าวว่า น้ำท่วมในครั้งนี้ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งจังหวัดน่าน น่าจะรุนแรงที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา เพราะน้ำมีปริมาณมากกว่าทุกครั้ง ที่สำคัญใจกลางเมืองเศรษฐกิจกลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับน้ำท่วมเสียหายอย่างหนัก แม้ว่าขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ต้องเข้าใจว่า สภาพภูมิประเทศมีแอ่งกระทะ เมื่อน้ำมาปริมาณมากๆ จำเป็นต้องรอระยะเวลาการระบาย
“ซึ่งคาดว่า ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูนานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา คาดว่าช่วงไตรมาส 1 ปี 2569 กว่าที่ทุกอย่างจะกลับมาสู่ภาวะปกติได้”
พอ.วัฒนา กล่าวอีกว่า “น้ำท่วมครั้งนี้ระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานก็ได้รับผลกระทบทั้งจังหวัด เช่น ถนน หลายเส้นทางไม่สามารถใช้เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อย่างเช่น วัดภูมินทร์ ก็ได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้น ถือเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลจะมองข้ามไม่ได้”
“ดูเหมือนว่าจังหวัดน่านได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้หนักมาก แต่การเยียวยาจากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ในเวลาปกติได้เสียภาษีให้กับภาครัฐ แต่เมื่อทุกแห่งได้รับผลกระทบแบบนี้ การเยียวยาต้องเกิดขึ้น เพื่อให้ธุรกิจกลับมาฟื้นตัวได้ เร็วที่สุด เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดน่าน”

