แกร่ง ‘ทางธรรม’ พ่าย ‘ทางโลก’ วิกฤตศรัทธา ‘สีกา’ ทำ ‘สึก’

สีกากอล์ฟ นารีพิฆาตสงฆ์ ข่าวฉาวโฉ่ล่าสุด ที่กำลังซ้ำเติมวิกฤตศรัทธาวงการพระสงฆ์ไทย โดยเฉพาะในหมู่พระสมณศักดิ์สูง ที่ถูกจับตาเรื่องการครองตนในผ้าเหลือง หลังเกิดประเด็น เจ้าคุณแย้ม และ ทิดอาชว์ สองอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ ที่ต้องสิ้นสุดทางธรรมเพราะพัวพันสีกา 

โดยข่าวฉาวในครั้งนี้ ถูกมองว่ามีความต่างจากข่าวฉาวในครั้งก่อน ๆ เพราะ สีกาเพียงคนเดียว กลับทำให้พระชั้นผู้ใหญ่ ระดับชั้นเทพ และเจ้าอาวาสวัดดัง ต้องลาสิกขาไปแล้วถึง 5 รูป จากความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว และที่น่าจับตาคือ คลิปฉาวและภาพลับกว่า 80,000 ไฟล์ ที่อยู่ในมือของสีกากอล์ฟ ตำรวจพบว่ายังมี พระอีกหลายรูป ที่เกี่ยวพันกับเธอในลักษณะเดียวกัน ประเด็นนี้จึงไม่ใช่แค่ข่าวฉาวธรรมดา แต่เป็นข่าวฉาวที่เขย่าวงการสงฆ์ไทยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี 

แกร่งทางธรรม อ่อนทางโลก วิกฤตศรัทธาสีกาทำ ‘สึก’

สเปซบาร์ชวนพูดคุยเรื่องนี้กับ ผศ.ดร.สิบปีย์ ชยานุสาสนี จันทร์ดอน ผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญาศาสนา ผู้ซึ่งเคยบวชเรียนมากว่า 18 ปี มองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในแง่หนึ่งเป็นเหมือนสึนามิลูกใหญ่ ที่ถาโถมวงการสงฆ์ เพราะยังมีเรื่องลับอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้น กระบวนการนารีพิฆาตสงฆ์ หรือกระบวนการที่หากินกับพระสงฆ์ระดับสูง โดยใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ เช่นการตีสนิทกับพระ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาเยอะ และมีมานานแล้ว เพียงแต่ในอดีตยังไม่มีเทคโนโลยีที่บันทึกหลักฐานการทำผิดได้อย่างชัดเจน จึงทำให้ไม่สามารถเอาผิดได้ 

ผศ.ดร.สิบปีย์ ยังอธิบายว่า คีย์เวิร์ดของ การบวชในสังคมไทยตอนนี้ไม่เหมือนในอดีต การบวชในอดีตเป็นการบวชเพื่อหวังที่จะหลุดพ้นจากวัฏสงสาร แต่การบวชในปัจจุบันเป็นการบวชเพื่อหาโอากาสทางสังคม หาโอกาสทางการศึกษา หรือบางคนบวชเพื่อขยับสถานะตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกชาวนา พอมียศมีตำแหน่ง ได้รับลาภสักการะมากๆ เข้า พระบางรูปที่ไม่มั่นคงในพระธรรมวินัย ก็อาจหลุดกรอบหลงมัวเมาในกิเลสได้ อีกทั้งปัจจุบันพระระดับสูงส่วนใหญ่มักมีรถประจำตัว จึงทำให้การออกไปพบกับสีกาในที่ลับทำได้ง่ายขึ้น

ปัญหาพระในโลกฆราวาส ต้องร่วมมือหลายฝ่าย

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ผศ.ดร.สิบปีย์ มองว่า มหาเถรสมาคม และ สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ออกมาเทคแอคชั่นช้าไป ทั้งที่มหาเถรสมาคมมีความเข้าใจในเรื่องพระธรรมวินัย และมีบทบาทในการแก้ปัญหากรณีเกิดอธิกรณ์หรือปัญหาในหมู่สงฆ์โดยตรง 

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำหลังจากนี้ คือการร่วมมือกันระหว่าง ตำรวจ สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และมหาเถรสมาคม โดยให้ตำรวจทำหน้าที่เป็นผู้ให้ข้อมูล ขณะที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และมหาเถรสมาคม รับช่วงต่อในการจัดการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ 

ส่วนที่หลายคนมองว่า วงการสงฆ์ เป็น พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เข้าไปตรวจสอบยาก ผศ.ดร.สิบปีย์ ยอมรับว่า มีมุมที่ตรวจสอบยากจริง เพราะคนทำผิดเป็นผู้มีอำนาจในพื้นที่ เช่น พระระดับเจ้าคณะภาคที่เพิ่งสึกไปจากรณีของสีกากอล์ฟ ถ้าปล่อยไปตามกระบวนการของสงฆ์เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีตำรวจเข้ามาจัดการ เรื่องสึกคงไม่มีทางเกิดขึ้น 

นอกจากนี้ ผศ.ดร.สิบปีย์ ยังตั้งข้อสังเกตถึง เส้นทางการเงิน ของพระระดับสูงที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการโอนไปให้สีกา ว่า อาจไม่ใช่การโอนเพื่อความเสน่หาเพียงอย่างเดียว แต่อาจเป็นการโอนไปลงทุนในธุรกิจบางอย่าง เพราะจำนวนเงินที่โอนมีมูลค่าค่อนข้างสูง 

เหรียญสองด้านของ ‘ข่าวฉาว’ เสื่อมถอย หรือ ปกป้อง ? 

ผศ.ดร.สิบปีย์ ยังมองว่า แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อวงการสงฆ์ในตอนนี้ อาจทำให้คนบางกลุ่มรู้สึกเสื่อมศรัทธาต่อศาสนาพุทธ แต่ในมุมมองส่วนตัวเขามองว่า ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่กลับมาเข้าวัดมากขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมอยากปกป้องวัด ปกป้องพุทธศาสนามากกว่าเดิม พร้อมย้ำว่าพระเป็นเพียง สมมุติสงฆ์ ที่มีโอกาสผิดพลาดได้ ดังนั้นควรยึดที่ หลักคำสอน มากกว่า ตัวบุคคล