คณะกรรมการบริหารกลาง KNU-สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ตอบโต้ กรณี พล.ต. ซอ มิน ตุน โฆษกคณะรัฐประหารเมียนมา พร้อมสื่อบางสำนัก กล่าวหาสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ว่า แสวงหาผลประโยชน์จากการเช่าที่ดินและเรียกเก็บค่ารักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์เคเคปาร์ค (KK Park) ซึ่งตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา

แถลงการณ์เคเอ็นยู (KNU) ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวทั้งหมด พร้อมทั้งชี้แจงกรณีที่ดินขนาด 100 เอเคอร์ที่โฆษกคณะทหารเมียนมาอ้างถึง บริษัท Mu La Ei Ahlin นั้น ได้ยุติความร่วมมือกับบริษัท Trans-Asia International Holding Group (ประเทศไทย) ในเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา และแยกพื้นที่ต่างหากจากที่ดินขนาด 500 เอเคอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์ที่ KK Park โดยสถานที่ทั้ง2แห่ง อยู่ห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร
ดังนั้น เคเอ็นยู (KNU) จึงขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า การหลอกลวงทางออนไลน์ที่ KK Park ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับ KNU ทั้งสิ้น โดยขอให้ดูภาพถ่ายดาวเทียมเป็นการยืนยัน

แถลงการณ์ KNU ยังปฏิเสธทั้งข้อมูลเท็จและข้อกล่าวหาต่อ KNU เนื่องจากโฆษกคณะทหารเมียนมาจงใจเผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อปกปิดผลประโยชน์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหาร ที่ถูกกล่าวหาว่าได้รับจากปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์ภายในเมียนมา
รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคง แจ้งว่า ทาง บก.ควบคุมพื้นที่ 2 กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) บก.ควบคุมพื้นที่ 2 กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง ( KNA) ร่วมกับกองพลทหารราบเบาที่ 22 ของกองทัพเมียนมา ได้ทำการจุดระเบิด จำนวน 1 ลูก บริเวณพื้นที่อาคารที่กำลังก่อสร้างใหม่ ในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีนเคเคปาร์ค (MU 534382) บ้านเองจีเหมี่ยง จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ผลการระเบิดทำให้อาคารก่อสร้างใหม่ดังกล่าวได้รับความเสีย 1 หลัง
ทั้งนี้ กองกำลัง BGF/KNA และ พล.ร.เบา 22 ต้องการจุดระเบิดทำลายอาคารใหม่ทางด้านทิศใต้ภายในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน เคเคปาร์ค โดยมีแผนที่จะทำลายอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่รายรอบกลุ่มอาคารที่เป็นศูนย์กลางสแกมเมอร์เสียก่อน หลังจากนั้นจึงจะทำลายอาคารต่างๆ ที่อยู่ภายในกลุ่มอาคารดังกล่าวซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของการกระทำผิดต่อไป
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ขณะนี้มีบุคคลต่างด้าว ต่างชาติ และชาวไทย ที่หลบหนีเข้าเมืองมายังชายแเดนด้านจังหวัดตากจำนวนมาก ยอด ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 16.00 น. มีจำนวน 1,299 คน แบ่งเป็นชาย 1,129 คน และหญิง 170 คน ผ่านการคัดกรองแล้ว 1,098 คน โดยพบว่ามีทั้งหมด 28 สัญชาติ เป็นชาวอินเดียมากที่สุด รองลงมาเป็นชาวจีน เวียดนาม แอฟริกา และชาวเอธิโอเปีย



แหล่งข่าวจากผู้เชี่ยวชาญชายแดนฝั่งเมียนมา เปิดเผยว่า มีการระเบิดอาคารที่ก่อสร้างใหม่ ภายในโครงการเคเคปาร์ค จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยสามารถมองเห็นภาพสีขาวพวยพุ่งเป็นเวลาหลายนาที และยังได้ยินเสียงระเบิดเสียงกึกก้องสนั่นมายังฝั่งไทย บริเวณตรงข้ามบ้านแม่กุท่าซุงใหม่ ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่าน แรงระเบิดอาคารในฝั่งเมียนมา ทำให้มีเศษปูนลอยข้ามมาตกบนหลังคาของบ้านเรือนราษฎร์ในฝั่งไทยเสียหาย แต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ผู้เชี่ยวชาญชายแดน ยังระบุว่า สำหรับสาเหตุของการระเบิดอาคารก่อสร้างใหม่ทิ้ง ที่ทหารเมียนมา และทหาร BGF อ้างว่าเป็นฐานที่ตั้งของแก๊งสแกมเมอร์นั้น เชื่อว่า เป็นการลดแรงปะทะจากสังคมโลก อีกทั้งมีการวางกำลังควบคุมการเข้าออกในพื้นที่เป้าหมายอย่างเข้มงวด และไม่มีภาพปรากฏให้เห็นถึงซากตึกแต่อย่างใด เพราะในข้อเท็จจริง แม้ว่าจะทำลายตรงจุดเคเคปาร์ค ก็มั่นใจว่าจะมีการเคลื่อนย้ายไปฝังตัวตามแนวชายแดนมียนมาตลอด 40 กิโลเมตร
และที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันว่า ทหารเมียนมา และทหาร BGF ต่างได้ผลประโยชน์จากการปล่อยให้มีแก๊งสแกมเมอร์ การค้าของผิดกฎหมาย และยังเริ่มพบว่ามีการตรวจจับยาเสพติด เพิ่มมากขึ้น
“จึงมองว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นเพียงการหลอกลวงชาวโลก และสร้างความชอบธรรมให้กับประเทศเมียนมา ในเวทีอาเซียน
สิ่งที่น่ากังวลคือ ความสลับซับซ้อนของทุนสีเทา และแก๊งสแกมเมอร์มีมากกว่าประเทศกัมพูชาหลายเท่าตัว เพราะเป็นที่มีอิทธิพลหลากชาติพันธุ์ อีกทั้งเป็นพื้นที่อยู่ในยุทธศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจอย่างจีน และสหรัฐอเมริกา
มากไปกว่านั้น พื้นที่แนวตะเข็บชายแดนเมียนมา ตรงข้ามกับประเทศไทย ไม่ได้เป็นแค่เพียงพื้นที่ตั้งขององค์การอาชญากรรมข้ามชาติแล้ว ยังเป็นพื้นที่เสี่ยงในการค้ามนุษย์ และเส้นทางยาเสพติดอีกด้วย”



