บรรยากาศในศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายเสนาณรงค์ จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับเรื่องร้องทุกข์และคำขอความช่วยเหลือจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งมีผู้เดือดร้อนติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นการขอสนับสนุนการอพยพ เคลื่อนย้ายสิ่งของ รวมถึงร้องขออาหารและน้ำดื่มเพื่อยังชีพ


ขณะที่ประชาชนบางส่วนแจ้งว่า ไม่สามารถติดต่อมายังศูนย์ได้ เนื่องจากมีสายโทรเข้าพร้อมกันจำนวนมาก จนทำให้คู่สายหนาแน่น สายซ้อน และเกิดโทรไม่ติดเป็นช่วง ๆ แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าทุกหมายเลขสามารถติดต่อได้ทั้งหมด และแนะนำให้ประชาชนโทรซ้ำหลายครั้ง หรือรอช่วงเวลาที่คู่สายว่าง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำรับสายอย่างต่อเนื่องที่หมายเลข 098-2233364, 061-5865574, 074-232145 ถึง 8 และ 074-586685


ขณะเดียวกัน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา ร่วมกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา ได้ติดตามการขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อรับเรื่องขอความช่วยเหลือ พร้อมประสานข้อมูลมายังศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 เพื่อจัดลำดับเคสเร่งด่วน และส่งเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยจะสอบถามข้อมูลผู้แจ้ง หมายเลขโทรศัพท์ รายละเอียดพื้นที่ และความต้องการ เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือได้ตรงจุดมากที่สุด
ล่าสุดมีประกาศเตือนเส้นทางจราจร ถนนลพบุรีราเมศวร์ บริเวณหน้ามัสยิดกลาง จังหวัดสงขลา ทั้งฝั่งขาเข้า–ขาออก มีน้ำท่วมสูงและกระแสน้ำเชี่ยว รถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ อนุญาตเฉพาะรถยกสูงหรือรถบรรทุกขนาด 6 ล้อขึ้นไปเท่านั้น ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว และใช้เส้นทางเลี่ยงอื่นเพื่อความปลอดภัย
กรมทางหลวงขอรายงานสถานการณ์ น้ำท่วม ในโครงข่ายทางหลวง วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น. ดังนี้
น้ำท่วม(กรณี >10cm.) และดินสไลด์(กรณี ผ่านไม่ได้)ทั้งสิ้น 10 จังหวัด รวม 131 แห่ง
การจราจรผ่านได้ 82 แห่ง ผ่านไม่ได้ 49 แห่ง
1. จ.เชียงใหม่ (1 แห่ง)
พื้นที่ ขท.เชียงใหม่ที่ 1 (1 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ - แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง
2. จ.พระนครศรีอยุธยา (2 แห่ง)
พื้นที่ ขท.อยุธยา (2 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ 2 แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ – แห่ง
3. จ.อ่างทอง (1 แห่ง)
พื้นที่ ขท.อ่างทอง (1 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ - แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง
4. จ.ตรัง (5 แห่ง)
พื้นที่ ขท.ตรัง ( 4 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ 2 แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง
พื้นที่ ขท.กระบี่ ( 1 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ - แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง
5. จ.พัทลุง (9 แห่ง)
พื้นที่ ขท.พัทลุง ( 9 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ 8 แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง
6. จ.สงขลา (36 แห่ง)
พื้นที่ ขท.สงขลาที่ 1 ( 21 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ 14 แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 7 แห่ง
พื้นที่ ขท.สงขลาที่ 2 ( 14 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ 3 แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 11 แห่ง
พื้นที่ ขท.สตูล ( 1 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ - แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง
7. จ.สตูล (15 แห่ง)
พื้นที่ ขท.สตูล ( 15 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ 11 แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 4 แห่ง
8. จ.ปัตตานี (24 แห่ง)
พื้นที่ ขท.ปัตตานี ( 24 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ 16 แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 8 แห่ง
9 จ.นราธิวาส (19 แห่ง)
พื้นที่ ขท.นราธิวาส ( 19 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ 13 แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 6 แห่ง
10 จ.ยะลา (19 แห่ง)
พื้นที่ ขท.ยะลา ( 19 แห่ง)
- การจราจรผ่านได้ 13 แห่ง
- การจราจรผ่านไม่ได้ 6 แห่ง
สถานการณ์น้ำท่วมภาพรวมอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ยังคงวิกฤตต่อเนื่อง ไม่เพียงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ยังมีอีกหลายพื้นที่ในหลายจังหวัดภาคใต้ เผชิญสถานการณ์น้ำท่วมเช่นกัน จากฝนตกหนักและมวลน้ำป่าจากเทือกเขาหลากเข้าท่วมหลายอำเภอ

ที่ จ.ยะลา หลังฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้มวลน้ำจำนวนมากจากพื้นที่รอบนอกและเทือกเขาไหลบ่าลงสู่คลองแบเมาะและแม่น้ำปัตตานี จนล้นตลิ่งอย่างรวดเร็ว น้ำได้ทะลักเข้าท่วมพื้นที่สำคัญในเขตเทศบาลนครยะลา โดยเฉพาะในย่านเศรษฐกิจการค้า ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและวัดได้ถึง 80-100 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ ภาพรวมพื้นที่ยะลาได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ รวมกว่า 13,753 ครัวเรือน เช่นเดียวกับ จ.นราธิวาส ได้รับผลกระทบแล้ว 7 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อน 106,861 คน
ที่ จ.ปัตตานี โรงพยาบาลยะหริ่งและโรงพยาบาลทุ่งยางแดง ต้องประกาศปิดให้บริการชั่วคราว โดยเจ้าหน้าที่ต้องเร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลปัตตานีเพื่อความปลอดภัย หลังระดับน้ำท่วมในโรงพยาบาลทั้งสองแห่งสูงขึ้นต่อเนื่อง
พื้นที่เส้นทางเข้าเมืองปัตตานีขณะนี้ กลายเป็นทางน้ำผ่านหลังจากน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายจุดที่เมื่อวานนี้น้ำยังไม่ท่วม กลับมามีน้ำท่วมเกือบทุกเส้นทาง โดยเฉพาะในเส้นทางเชื่อมเข้าสู่ตัวเมืองปัตตานีน้ำท่วมสูง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งติดตั้งหาแบริเออร์ในจุดที่ถนนชำรุด หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อแจ้งเตือนให้รถที่ผ่านมาใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ รวมถึงนำแผงกั้นมาวางไว้เพื่อบอกให้ผู้ขับขี่ โดยเฉพาะรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กห้ามผ่าน

ขณะนี้เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลามายังสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกตัดขาดหลายช่วง โดยเฉพาะในช่วงอำเภอนาทวี และเส้นทางเข้าสู่ตัวเมืองปัตตานี
ส่วนพื้นที่รอบนอกตัวเมืองปัตตานี โดยเฉพาะในอำเภอยะหริ่ง อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอทุ่งยางแดง ก็ได้รับผลกระทบ มีน้ำท่วมสูงบางจุดรถไม่สามารถสัญจรไปมาได้แล้ว ขณะที่หลายพื้นที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มอย่างหนัก

ที่ จ.สตูล น้ำท่วมในเขตเทศบาลตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล, ที่ จ.พัทลุง เกิดน้ำหลากในพื้นที่ อำเภอกงหรา, อำเภอตะโหมด และอำเภอศรีนครินทร์ และ จ.ตรัง น้ำป่าหลากจากเทือกเขาบรรทัด ทำให้เกิดน้ำท่วมใน 9 อำเภอ มีครัวเรือนเดือดร้อนมากกว่า 12,000 ครัวเรือน

ขณะที่วันนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและประสานงานการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า พร้อมสั่งยกระดับเร่งช่วยเหลือประชาชน
โดยให้จัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม (ศบภ.กห. - ส่วนหน้า) และ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทย (ศบภ.ทท. - ส่วนหน้า) ณ กองบิน 56 (บน.56) อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา
ด้านกองทัพเรือ ส่งหน่วยเรือบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งประกอบกำลังด้วย เรือหลวงจักรีนฤเบศร พร้อมเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ ออกจากฐานทัพเรือเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา(24 พ.ย.68) จะถึงสงขลาเช้านี้(25 พ.ย.68)พร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์สำหรับภารกิจกู้ภัยน้ำท่วม ประกอบด้วยหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หน่วยซีล และเรือยาง เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม.:(นับตั้งแต่ 07.00น. ถึง 07.00น.วันรุ่งขึ้น) 15 วันล่วงหน้า ระหว่าง 25 พ.ย.-9 ธ.ค.68 โดยวันนี้ (25 พ.ย.68) ยังเป็นอีกวันที่ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณ จ. สงขลา พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง สตูล ต้องระวังฝนตกสะสม ระวังน้ำท่วมขัง น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง เตรียมพร้อมรับมือและเตรียมอพยพในพื้นที่เสี่ยง
ส่วน 26 พ.ย.- 9 ธ.ค.68 ไทยตอนบนยังรับลมหนาว ส่วนฝนที่ตกหนักในพื้นที่ภาคใต้จะเริ่มลดลงแต่ยังต้องระวัง ปริมาณน้ำฝนที่ยังสะสมและคงค้างในลุ่มน้ำต่างๆ อาจทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นได้


