ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการปฏิบัติการ คืนศรัทธา บอกลางมงาย สไตล์ CIB ทวงคืนทรัพย์สินสู่วัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกับ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน , สำนักงาน ป.ป.ช. , สำนักงาน ป.ป.ท. , สำนักงาน ป.ป.ง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังคณะทำงานได้เปิดปฏิบัติการร่วมกัน เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา รวมเป็นเวลากว่า 3 เดือน ที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการตรวจสอบ
โดยพฤติการณ์ของคดีนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยา และอาจารย์ประจำภาควิชาสังคมศาสตร์ (สาขาอาชญาวิทยา) คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง ได้พาผู้ร้องเรียนเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลว่า นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือที่รู้จักกันในชื่อ หมอบีทูตสื่อวิญญาณ มีพฤติการณ์ทุจริตเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ ที่ประชาสัมพันธ์เปิดขอรับบริจาคเงินผ่านโซเชียลมีเดีย และเพจเฟซบุ๊ก งมงาย สไตล์หมอบี โดยอ้างว่าเป็นการร่วมทำบุญ
โดย หมอบีอ้างว่าจะทำหน้าที่เป็นสะพานบุญ นำเงินที่ผู้ร่วมทำบุญโอนเงินเข้ามาในบัญชีที่ตนเองรับบริจาค ไปส่งมอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อที่ พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี จะนำไปใช้ช่วยเหลือ ผู้ป่วยโรคเอดส์ และตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของวัดพระบาทน้ำพุ

หมอบี ยังเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี ใจฟ้าอาทรประชานาถ โดย นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ในการรับเงินบริจาคจากประชาชนทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2562 ถึง ปี 2568 มีประชาชนบริจาคเงินเพื่อทำบุญให้วัดพระบาทน้ำพุ และบริจาคเงินทำบุญอื่นๆ มียอดเงินหมุนเวียนเข้าบัญชี ดังกล่าว จำนวน 300 กว่าล้านบาท
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และ พนักงานสอบสวน ของกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามจึงได้ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยการสอบพยานบุคคล ตรวจสอบพยานหลักฐานต่าง ๆ จนพบมีมูลว่า หมอบีไม่ได้นำเงินที่ได้จากการบริจาคไปมอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุ ทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ตามที่กล่าวอ้าง
“มีหลักฐานเชื่อว่าหมอบีนำเงินที่มีผู้บริจาคให้กับวัดพระบาทน้ำพุผ่านบัญชีธนาคารที่ตนเองเปิดมาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว บางส่วนนำไปมอบให้กับ อดีตหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ”
— ข้อความที่ระบุในเอกสารแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลาง

จากนั้น กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและพบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เมื่อรับเงิน ที่หมอบีนำมามอบให้ในฐานะตัวแทนของวัดพระบาทน้ำพุ กลับไม่นำเงินเข้าสู่ระบบของวัดพระบาทน้ำพุ แต่ พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ได้ทุจริต เอาเงินที่รับมาทั้งหมด ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว อาทิเช่น นำไปให้บุคคลภายนอกกู้ยืม นำไปซื้อทรัพย์สินส่วนตัวโดยใส่ชื่อผู้อื่นถือครองไว้แทน เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม จนนำมาสู่การขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับนายเสกสันน์ และอดีตหลวงพ่ออลงกต และได้เปิดปฏิบัติการ Operation Endgame: ปฏิบัติการคืนศรัทธา บอกลางมงาย สไตล์ CIB ไปเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 พร้อมทั้งตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเพื่อหาพยานหลักฐานประกอบคดีจำนวน 17 จุด ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดลพบุรี โดยจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 2 ราย คือ
1. พระราชวิสุทธิประชานาถอลงกต พูลมุข (อลงกต ติกขปญโญ) หรือ นายอลงกต พูลมุข อายุ 65 ปี กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฟอกเงินและสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
2. เสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ หมอบี อายุ 43 ปี กระทำความผิดฐาน ผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฟอกเงินและสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
พร้อมตรวจยึดของกลางที่สำคัญ ดังนี้
- ยานพาหนะรถยนต์ จำนวน 3 คัน รวมมูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท (ยึดได้จากบุคคลใกล้ชิด นายเสกสันน์ ที่ใส่ชื่อถือครองรถยนต์ แทนนายเสกสันน์)
- เงินสด รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,562,350 บาท (ยึดได้จากนายเสกสันน์ 2 ล้านเศษ และ ยึดได้จากอีดตพรพะอลงกต อีก 5 แสนบาท)
- กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 3 ใบ รวมมูลค่าประมาณ 4 แสนบาท (ยึดได้จากภรรยาของนายเสกสันน์)
- เช็คนำฝากชื่อผู้อื่น จำนวน 21 ใบ มูลค่า 52 ล้าน (ยึดได้ที่ตัว อดีตหลวงพ่ออลงกต ในวันจับกุม)
- โฉนดที่ดินและเอกสารสิทธิ จำนวนทั้งสิ้น 23 ฉบับ พื้นที่ 323 ไร่ 1 งาน 60 ตารางวา โฉนดที่ดิน จำนวน 2 ฉบับ ยึดได้จากนายเสกสันน์ ในวันเข้าจับกุม (มูลค่าที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ร่วม 70 ล้านบาท) , โฉนดที่ดิน จำนวน 21 ฉบับ ยึดได้จากการเข้าตรวจค้น วัดพระบาทน้ำพุ

หลังจากการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้บูรณาการร่วมกัน เพื่อสืบสวน ติดตามทรัพย์สินที่บุคคลอื่นมีชื่อถือครองไว้แทนวัดพระบาทน้ำพุ ให้นำกลับมาคืนสู่วัดพระบาทน้ำพุ จนเป็นที่มาของ การได้กลับคืนมาซึ่งโฉนดที่ดิน เอกสารถือครองที่ดิน ยานพาหนะ จากผู้ถือครองแทน ดังนี้
- โฉนดที่ดิน จำนวน 411 ฉบับ รวมพื้นที่ 2,258 ไร่ 3 งาน 28.5 ตารางวา
- หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จำนวน 389 แปลง รวมพื้นที่ 4,957 ไร่ 2 งาน 74 ตารางวา
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์ตู้ ระกระบะ รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร รสบัส และรถบรรทุก ร่วม 60 คัน
“รวมที่ดินที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางติดตามเพื่อนำมาคืนสู่วัดพระบาทน้ำพุ ได้นั้น เนื้อที่ดิน รวมประมาณ 7,200 ไร่เศษ เมื่อตรวจสอบราคาประเมินที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และยานพาหนะ มูลค่ารวมประมาณกว่าหมื่นล้านบาท”
— ข้อความที่ระบุในเอกสารแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลาง
นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมหลักฐานเพื่อมอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุ ดำเนินคดีฟ้องร้องในทางแพ่งเพื่อเรียกร้องเอาเงินจากผู้ที่เอาเงินของวัดพระบาทน้ำพุ ไปอีก ร่วม 200 ล้านบาท
การดำเนินการในครั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หาใช่เพียงมุ่งแต่จับกุมผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ยังคงช่วยเหลือติดตามทรัพย์ จากผู้ที่แอบแฝงถือครองไว้ รวมทั้งหาผลประโยชน์ที่มิชอบจากวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อนำทรัพย์สินที่ซื้อด้วยเงินบริจาคของประชาชน ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้กับวัด นำกลับมาสู่วัด เพื่อบริหารจัดการให้ถูกต้องตามระเบียบ และกฎหมายต่อไป อีกทั้งยังคงมุ่งสืบสวนขยายผลหาผู้กระทำความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการหาผลประโยชน์จากวัดพระบาทน้ำพุ ต่อไปอีกด้วย โดยเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองใช้สิทธิขอให้การปฏิเสธ


