ชุมชนบ้านถวาย เป็นหมู่บ้านหัตถกรรมไม้แกะสลัก ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมชื่อดังของอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ และเป็นหมู่บ้านโอทอป (OTOP) แห่งแรกของประเทศไทย เป็นอีกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 การท่องเที่ยวต้องหยุดชะงักลง แม้ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 จะคลี่คลายแล้ว แต่หมู่บ้านถวายแทบไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว

ผู้ประกอบการหัตถกรรมไม้ในบ้านถวาย บางส่วนยังคงเปิดร้าน เพื่อผลิตสินค้าส่งให้กับลูกค้า หลังมีคำสั่งซื้อผ่านทางระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการปรับตัวของชาวบ้านและผู้ประกอบการบ้านถวาย เพื่อให้อยู่รอดในยุคปัจจุบันที่แทบไม่มีนักท่องเที่ยวมาเดินซื้อสินค้าเหมือนในอดีต

วสันต์ เดชะกันนายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจสินค้าหัตถกรรม บ้านถวาย เปิดเผยว่า หากย้อนกลับไป 10 ปีที่ผ่านมา ศูนย์หัตถกรรมไม้แกะสลักบ้านถวายได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างมากทำให้มีร้านค้านับ 1000 แห่ง เงินสะพัดในพื้นที่นับพันล้านบาท

“แต่ปัจจุบันร้านค้าได้ปิดตัวลงเกินกว่าครึ่งจากภาวะเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 โดยชาวบ้านที่นี่ต้องการให้รัฐบาลหันมาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมและพัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ ชุมชนที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป”
วสันต์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาบ้านถวาย เป็นแหล่งศิลปะหัตถกรรมชั้นยอดของเมืองเชียงใหม่ ที่สร้างผลงานไม้แกะมากมาย ส่งออกขายทั้งไทยและต่างประเทศ เป็นงานศิลปหัตถกรรมที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงมายาวนาน ผลงานแกะสลักไม้มีความสวยงาม ประณีต และเป็นงานที่ทำขึ้นด้วยมือ ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศทั่วโลก
“แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่สินค้าเป็นรูปแบบทำมือและอนุรักษ์ลวดลายกันมาอย่างยาวนาน อาจไม่ถูกใจและไม่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในยุคปัจจุบัน ทำให้ชาวบ้านที่นี่ยังคงคาดหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการผลักดันและสนับสนุนให้หัตถกรรมไม้แกะสลักบ้านถวาย มีความทันสมัย และกลับมาเป็นแลนด์มาร์คในด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง”


ไม่ต่างจากศูนย์หัตถกรรมร่มบ่อสร้าง บ้านบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศก็เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไร้เงานักท่องเที่ยวเช่นกัน ผู้ประกอบการหลายๆ แห่งเริ่มทยอยปิดตัว


ณัฐวุฒิ สีหรัตนปทุม ผู้ประกอบการร้านค้า บ้านบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง กล่าวว่า ปัจจุบันทางร้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะเศรษฐกิจที่ซบเซาลงไม่มีนักท่องเที่ยว หรือผู้คนเดินทางมาซื้อสินค้าภายในชุมชน ทำให้ร้านค้าต่างๆ นั้นทยอยปิดตัว บางแห่งก็เปิดไปทำธุรกิจอย่างอื่น เช่นร้านโทรศัพท์ ร้านอาหารเพิ่มมากขึ้น
“ส่วนร้านของตนเองนั้นก็ขายร่ม และงานไม้แกะสลักหลากหลาย แต่ไม่ได้ผลิตเอง ซึ่งเป็นการสั่งซื้อเข้ามาจำหน่าย แต่ปัจจุบันได้หยุดทำการสั่งซื้อแล้วเพียงเปิดร้านเพื่อจำหน่าย สินค้าภายในร้านให้หมด ก่อนจะวางแผนอนาคตว่าจะทำอะไรต่อไป เพราะตอนนี้คิดว่าธุรกิจงานหัตถกรรมนั้นไปต่อไม่ได้แล้ว”


ด้าน กมลวรรธ สุจริต อาจารย์ประจำภาควิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มองว่า ปัจจัยด้านการท่องเที่ยว ในกลุ่มหมู่บ้านหัตถกรรมนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 แล้ว เพราะพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนเริ่มเปลี่ยนไป รูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยน และช่วงวัยของคนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เพราะกลุ่มหมู่บ้านหัตถกรรม จะมีสินค้าเป็นตัวดึงดูดการท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันสินค้าเหล่านี้กลับเข้าไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมดแล้ว ที่มีราคาถูกกว่า ส่งตรงถึงบ้าน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไป
“เพราะในยุคก่อนที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปนั้น เป็นช่วงที่โซเชียลมีเดียยังไม่ได้เติบโต จึงต้องเดินทางไปซื้อถึงแหล่งผลิต และคนที่เดินทางไปส่วนใหญ่ก็จะไปแบบกรุ๊ปทัวร์ ที่เป็นกลุ่มคน Gen X และ Baby Boomers ที่นิยมซื้อของฝากของที่ระลึก ประกอบกับในช่วง โควิด 19 คนถูกระงับการเดินทาง
พอสถานการณ์คลี่คลาย นักท่องเที่ยวก็เลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์มากขึ้น และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว Gen Y , Z มากขึ้น ซึ่งกลุ่มสินค้าหัตถกรรม ทั้งงานไม้แกะสลัก รวมถึงร่มบ่อสร้าง ไม่ได้ตอบโจทย์การท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่เหล่านี้”

“แม้รัฐบาลจะมีความพยายามผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ คำถามก็คือ “การผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์มันไม่ใช่แค่การผลักดันเรื่องของการโปรโมทการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ต้องดูทั้งระบบด้วย ซึ่ง การที่จะผลักดันสินค้าเหล่านี้ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ไม่ใช่แค่ผลักดันเฉพาะสินค้าในพื้นที่ แต่ต้องนำสินค้าเหล่านี้ออกไปสู่ระดับนานาชาติ ระดับสากล ขยายตลาด เพราะ ซอฟต์พาวเวอร์จริงๆ ไม่ใช่แค่การนำนักท่องเที่ยวหรือคนเข้ามาในพื้นที่
แต่คือการที่จะเอาสินค้าเหล่านี้กระจายออกสู่สาธารณชนทั่วโลกได้มากน้อยแค่ไหน ในยุคที่ตลาดสินค้าออนไลน์เติบโต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องง่าย เพียงแต่ว่าเรามาดูแค่ตัวสินค้า แต่เราไม่ได้มองถึงเรื่องการขนส่ง การสร้างแบรนด์ ซึ่งจะต้องทำควบคู่กันไป” อาจารย์กมลวรรธ กล่าว


