เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ ทำน้ำท่วมสูงขึ้นกระทบชาวบ้านริมฝั่งเดือดร้อน

สถานการณ์น้ำ (18 กันยายน 2568) กรมชลประทานรายงานว่า จากสถานการณ์ปริมาณน้ำที่ยังคงมีมาก จำเป็นต้องปรับการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม โดยมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จาก 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  เป็น 2,300  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา - แม่น้ำน้อย คลองสาขาต่างๆ มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นด้วย

โดยพบว่า ระดับน้ำแม่น้ำน้อย ที่สะพานหัวเวียง ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำ 5.07 เมตร(ร.ท.ก.) เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานเวลาเดียวกัน 8 เซนติเมตร ปัจจุบันสูงกว่าระดับพื้นที่ลุ่มต่ำ 2.32 เมตร

ส่วนระดับน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยา ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำ 4.65 เมตร(ร.ท.ก.) ปริมาณน้ำ 1,256 ลบ.ม./วิ. เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานเวลาเดียวกัน 11 เซนติเมตร ปัจจุบันสูงกว่าระดับตลิ่ง 0.30 เมตร

ขณะที่บริเวณแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมตลาดบ้านแพน เขตเทศบาลเมืองเสนา อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ มีตลาดกระจายสินค้า โรงเรียน สถานที่ราชการ และสถานีขนส่ง พบว่าระดับน้ำในแม่น้ำน้อยเพิ่มสูงขึ้นจนเหลือเพียง 40 เซนติเมตร ต่ำกว่าตลิ่งแนวเขื่อน ทางเทศบาลเมืองเสนาได้ดำเนินการเสริมแนวคันดินสูงประมาณ 1.50 เมตร พร้อมปูผ้าใบคลุมตลอดแนว และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์

ส่วนชุมชนอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ ฝั่งตรงข้ามตลาดบ้านแพน ระดับน้ำแม่น้ำน้อยได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและถนนทางเข้าชุมชน เทศบาลเมืองเสนาได้ทำสะพานไม้ชั่วคราวเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้า-ออก ชาวบ้านต้องนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไปจอดไว้บริเวณถนนที่น้ำยังไม่ท่วม โดยขณะนี้พื้นที่ของอำเภอเสนา มีน้ำท่วมแล้ว 13 ตำบล 102 หมู่บ้าน รวมกว่า 6,470 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ

ขณะเดียวกันชุมชนมัสยิดซาดีลียะห์ ม.5 ต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าระดับน้ำท่วมสูงราว 30-50 เซนติเมตร ชาวบ้านบางส่วนจำเป็นต้องย้ายรถจักรยานยนต์และรถยนต์ไปจอดในพื้นที่น้ำไม่ท่วม

กรมชลฯ ยกเลิกระบายน้ำ 2,300 ลบ.ม./วินาที คงไว้ที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยายังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้กรมชลประทานได้มีการแจ้งปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเพิ่มขึ้นหลังจากมวลน้ำทางด้านตอนบนไหลลงมาสมทบยังเขื่อนเจ้าพระยา

ล่าสุด กรมชลประทานแจ้งต้องขอยกเลิกการปรับเพิ่มการระบายน้ำ และคงอัตราการระบายอยู่ที่ 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไปก่อนในระยะนี้ ขณะที่พื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เร่งกรอกกระสอบทรายวางแนวป้องกันจุดเสี่ยงน้ำท่วมชุมชน

สถานการณ์น้ำเจ้าพระยา 18 กันยายน 2568 เวลา 06.00 น.

สำหรับปัจจุบัน ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,220 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำ 23.33 ม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 2.37 ม.) แนวโน้มลดลง

ที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 17.04 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 15.23 เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 1.11 เมตร แนวโน้มเพิ่ม

ทั้งนี้ บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง ตามศักยภาพของคลอง เพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด

ขณะเดียวกันมีพื้นที่นอกคั้นกันน้ำบริเวณด้านท้ายเขื่อนที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้

คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง,  วัดไชโย จังหวัดอ่างทอง, คลองบางบาล ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา, ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย, วัดสิงห์ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี, อำเภอเมืองสิงห์บุรี, อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี

หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้นจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป

กรมอุตุฯ ประกาศ ฉ.1 เตือนพายุดีเปรสชันก่อตัว ทำไทยฝนตกเพิ่มขึ้น-ตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง “พายุดีเปรสชัน ฉบับที่ 1” เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันนี้ (18 ก.ย. 68) พายุดีเปรสชันบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ ได้เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว โดยเมื่อเวลา 04.00 น. มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศเหนือค่อนทางตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 19-20 กันยายน 2568 โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าประเทศไทย

จากอิทธิพลดังกล่าวส่งผลทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'เพชรบูรณ์' รายงานสถานการณ์แม่น้ำป่าสักเอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ชุมชนสองฝั่งแม่น้ำ

จังหวัดเพชรบูรณ์รายงานสถานการณ์แม่น้ำป่าสักเอ่อตลิ่งในพื้นที่อำเภอหล่มสัก เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (17 กันยายน 2568) ระดับน้ำบริเวณฝายศรีจันทร์ หมู่ที่ 4 ตำบลท่าอิบุญ ระดับลดลง ไหลผ่านยังสูงกว่าสันฝาย 0.10 เมตร ส่งผลกระทบในพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ต.ท่าอิบุญ

ระดับน้ำบริเวณฝายริมแม่น้ำป่าสักฝั่งซ้าย หมู่ที่ 5 บ้านวังร่อง ตำบลห้วยไร่ ระดับน้ำลดลง 0.25 เมตร สูงกว่าสันฝาย 3.00 เมตร (ระดับวิกฤตสูงกว่าสันฝาย 3.50 เมตร) ระดับน้ำไหลเร็ว ระดับน้ำส่งผลกระทบในพื้นที่ตำบลห้วยไร่ ตำบลสักหลง พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสักบางส่วน

ระดับน้ำบริเวณสะพานตาลเดี่ยว ระดับน้ำทรงตัวอยู่ในระดับ 9.40 เมตร ระดับน้ำเริ่มลดลง  (ระดับตลิ่ง 8.30 ม.) สูงกว่าระดับตลิ่ง 1.10 เมตร เขตเทศบาลเมืองหล่มสัก  มีน้ำล้นตลิ่งและลอดออกทางระบายน้ำในพื้นที่ริมตลิ่งฝั่งเทศบาลเมืองหล่มสัก/เขตเทศบาลตำบลตาลเดี๋ยว หมู่ที่ 8,4,7 ได้รับผลกระทบจากน้ำแม่น้ำป่าสัก ไหลเอ่อล้นตลิ่ง กัดเซาะคันคูเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร จำนวนประมาณ 200 ครัวเรือน

เทศบาลเมืองหล่มสัก-เทศบาลตำบลตาลเดี่ยว ผู้บริหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหล่มสักทุกภาคส่วน ได้จัดชุดเฝ้ารระวังและให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับราษฎรที่ประสบภัย

รายงานล่าสุดวันนี้ (18 กันยายน 2568) ในพื้นที่อำเภอหล่มไม่มีฝนตก โดยทางจังหวัดได้แจ้งกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ได้เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย รองรับ สถานการณ์ เพื่อให้พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง และได้แจ้งเตือนให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำป่าสัก รวมถึงลำน้ำสาขา ให้ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน ประชาชนให้ขนของขึ้นที่สูงเ และให้เฝ้าระวัง ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก และลำน้ำสาขา ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงติดตามข่าวสาร แจ้งเตือน จากทางราชการ เฝ้าระวังอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว