ในวังหลวงของสยาม มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้เป็นเพียง “เครื่องสูง” แต่คือ สัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์และความต่อเนื่องของประเพณีราชสำนักของไทย นั่นคือ ‘นพปฎลมหาเศวตฉัตร’

ฉัตรขาว 9 ชั้น ที่ปักเหนือพระราชบัลลังก์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเหนือพระบรมโกศ เมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จสวรรคต
จาก “ผ้าตาด” สู่ “ผ้าขาวขลิบทอง”
ย้อนกลับไปในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ นพปฎลมหาเศวตฉัตรเดิมหุ้มด้วย “ผ้าตาด” สีทอง แต่ในรัชกาลที่ 4 โปรดให้เปลี่ยนเป็น “ผ้าขาวขลิบทองแผ่ลวด” มีระบายสามชั้น ห้อยอุบะจำปาทอง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนแนวคิดใหม่ของยุคนั้น ที่ผสมระหว่าง ความสง่างามแบบดั้งเดิม และ ความเรียบขาวบริสุทธิ์แบบตะวันตก ช่วงเวลาที่ “สยาม” เริ่มเปิดรับโลกสมัยใหม่ แต่ยังคงยึดรากแห่งราชประเพณีไว้อย่างมั่นคง

‘เครื่องสูง’ ที่เปี่ยมความหมาย
‘นพปฎลมหาเศวตฉัตร’ ไม่ใช่เพียงเครื่องประกอบพระราชพิธี หากแต่เป็น เครื่องราชกกุธภัณฑ์สูงสุด เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงรับน้ำอภิเษกแล้ว พระราชครูพราหมณ์จะเชิญฉัตรนี้ขึ้นถวายเหนือพระเศียร เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่ง “การขึ้นครองราชย์โดยสมบูรณ์”
จากนั้น ฉัตรนี้จะถูกกางกั้นเหนือพระราชบัลลังก์ในพระที่นั่งสำคัญ เช่น พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ฯลฯ และเมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จสวรรคต นพปฎลมหาเศวตฉัตรจะกางกั้นเหนือพระบรมโกศ และเหนือพระจิตกาธานในพระราชพิธีถวายพระเพลิง เสมือน การปกป้องครั้งสุดท้ายจากสวรรค์

ฉัตร 7 ชั้น : ‘สัปตปฎลเศวตฉัตร’
อีกหนึ่งเครื่องสูงที่งดงามไม่แพ้กัน คือ สัปตปฎลเศวตฉัตร ฉัตรสีขาว 7 ชั้น ตั้งมาจากคำบาลี “สัปต” (เจ็ด) “ปฎล” (ชั้น) และ “เศวตฉัตร” (ฉัตรสีขาว)เป็นเครื่องสูงที่ใช้สำหรับพระราชวงศ์ชั้นรอง เช่น สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระราชชนนี หรือพระบรมราชกุมารี
‘สัปตปฎลเศวตฉัตร’ ยังปรากฏในหลายเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ในรัชกาลที่ 5 ที่โปรดเกล้าฯ ให้ถวายแด่พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร และต่อมาในรัชกาลที่ 9 ก็ปรากฏในพระราชพิธีถวายพระเพลิงสมเด็จพระราชวงศ์หลายพระองค์ เช่น สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา และสมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ
‘ฉัตรขาวแห่งพระพันปีหลวง’
และเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2568 วันที่ทั้งแผ่นดินโศกาอาดูร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ถวาย ‘นพปฎลมหาเศวตฉัตร’ กางกั้นเหนือพระบรมโกศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง


นี่คือ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่พระบรมราชวงศ์ฝ่ายในได้รับพระเกียรติยศสูงสุดเทียบเท่าพระมหากษัตริย์ เป็นฉัตรที่ไม่ได้เพียงกางกั้นจากฟ้า แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความจงรักภักดี ความอาลัย และพระเกียรติอันสูงสุด“ ที่แผ่นดินถวายแด่ “แม่ของแผ่นดิน”

ในสายตาคนรุ่นใหม่
สำหรับคนรุ่นเรา ‘นพปฎลมหาเศวตฉัตร’ อาจไม่ใช่เพียงของโบราณในพิพิธภัณฑ์ แต่คือบทเรียนทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง คือ บทสนทนาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน คือ “สัญลักษณ์แห่งความต่อเนื่อง” ที่บอกเราว่า ศิลปะไทยไม่ได้หยุดอยู่ในตำรา แต่ยังมีชีวิตในทุกพิธี ทุกสัญลักษณ์ และทุกความเคารพที่คนไทยยังคงส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น


