วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานสส.พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาระบุว่ามีพรรครัฐบาลมาซื้อเสียงโหวตจากพรรคประชาชนว่า อยากให้ศิริกัญญาออกมาเปิดเผยรายชื่อ เห็นว่ามีคลิปเสียงก็เปิดเผยออกมา ส่วนตัวเป็นคณะกรรมการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎรจะได้สอบสวนต้องบอกว่า เป็นใคร อย่าไปปิดบัง หากรู้ว่า คนไม่ดี ทำผิดจริยธรรม หรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องเปิดเผยให้สังคมรับรู้ว่า เป็นพรรคไหนและใคร เราเป็นฝ่ายการเมือง มีการกล่าวหากันบ้าง แต่ไม่ใช่ศัตรูกัน เพราะศัตรูของนักการเมืองคือความยากจนของประชาชน เพราะฉะนั้นทำงานร่วมกันตรวจสอบกันเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามว่า เสียงของรัฐบาลเกินมา 10 เสียง แสดงว่าไม่ต้องซื้อเพิ่มแล้วใช่หรือไม่ วิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ต้องซื้อแล้ว เห็นว่าเสียงราคา 10 กว่าล้าน เพราะว่าแพงไป เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ฝ่ายรัฐบาลก็อยู่กันครบ เสียงก็เกินพออยู่แล้ว ยืนยันว่า ไม่มีการซื้อเสียง หากมีก็แจ้งมาได้ ไม่ควรเป็นเรื่องที่จะเอามากล่าวลอยๆ คลุมเครือแบบนี้ไม่เหมาะ
วิสุทธิ์ ในฐานะประธาน สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปสนทนาระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา ในวันที่ 29 ส.ค. ว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยมองเรื่องนี้กัน 2 มุม สส.ส่วนใหญ่อยากให้มีคำวินิจฉัยออกมาเร็วๆ จะได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ อีกฝั่งรอวันที่ 29 ส.ค. แต่ยืนยันว่า ไม่ตกใจ เชื่อมั่นว่า แพทองธารมีเจตนาดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง ขณะเกิดเหตุมีคนไทยนับหมื่นคนอยู่ในกัมพูชา นายกฯ อยากให้คนกลับมาก่อน เพราะรู้ว่า หากมีการปิดพรมแดนจะต้องมีการยิงกันแน่ คิดหรือไม่หากเป็นญาติพี่น้องเราทำธุรกิจอยู่ที่กัมพูชา อะไรจะเกิดขึ้นหากมีการปะทะกัน เขาจะเดือดร้อนหรือไม่ เขาจะถูกทำร้ายหรือไม่ นายกฯ จึงใช้วิธีพูดเจรจาในทางส่วนตัว ไม่ได้พูดแถลงข่าวหรืออะไร เป็นการเจรจาเพื่อรักษาชีวิตประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชา เชื่อว่า นายกฯ ปรารถนาดี เชื่อว่า นายกฯ ไม่ได้ทำผิด มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม
วิสุทธิ์ กล่าววา หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย มี สส.หลายคนขึ้นไปพบนายกฯ ที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ซึ่งความจริง สส.ต้องไปให้กำลังใจนายกฯ แต่กลับเป็นนายกฯ ที่มาให้กำลังใจ สส.ที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ ทุกคนที่ขึ้นไปพบบอกว่า นายกฯ ยิ้มแย้มแจ่มใสและให้กำลังใจพวกเรา จึงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นว่า นายกฯ จะผ่านพ้นไปได้ และกลับมาทำงานการเมืองได้อีกครั้ง
เมื่อถามว่า มีการพูดถึงกรณีหากคำวินิจฉัยเป็นลบต่อนายกฯ บ้างหรือไม่ วิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครพูดอย่างนั้น เป็นทิศทางบวกตลอด และเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจของแพทองธาร และเราไม่คิดถึงแผนสำรอง เพราะไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการ และหากเกิดนายกฯคนที่ 3 ขึ้นก็เป็นพรรคเพื่อไทยอยู่ดี ซึ่งเราคาดว่า ไม่เป็นเช่นนั้น ทุกคนกำลังใจดี พวกเราไม่ได้กังวล ที่กังวลคือ เรื่ององค์ประชุมมากกว่า เราไม่คิดเรื่องคดีนายกฯ เพราะเราคาดหวังและเชื่อมั่นว่า ที่นายกฯ จะชี้แจงไป ฝ่ายกระบวนการยุติธรรมต้องให้ความเป็นธรรมกับนายกฯ
วิสุทธิ์ ยังย้ำว่า นายกฯ ไม่ลาออก เพราะวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ไม่เห็นนายกฯ ว่าสักคำ คนที่ไปพบนายกฯ ก็ไม่เห็นว่า นายกฯ จะลาออก กำลังใจดีมาก และไม่จำเป็นต้องรอการพิจารณางบ หากเป็นเช่นนั้น คนในพรรคต้องรู้ก่อนอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่า ไม่มีการลาออกอยู่แล้ว
ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า หากงบฯ ปี 69 ผ่านแล้วจะมีการยุบสภา วิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี จะยุบไปทำไม วันนี้มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น อย่างเรื่องชายแดนต้องเยียวยาคนเยอะแยะ ปัญหาหลายอย่างรอการแก้ไข สิ่งที่ทำได้และทำดีขณะนี้เป็นผลบวกมาเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องยุบสภาในขณะนี้ เช่น เรื่องปราบยาเสพติด และเมื่อเกิดปัญหาชายแดนหลายคนบอกว่าเหงา แก๊งคอลเซนเตอร์ไม่โทรมาหา เมื่อก่อนโทรมาจะต้มกันอยู่เรื่อย เดี๋ยวนี้ไม่มีโทรมา เมื่องบประมาณออก มีการจัดซื้อจัดจ้าง เศรษฐกิจก็จะดี จึงมีหลายอย่างที่ต้องทำหลังจากนี้
