‘ศบ.ทก.’ เตรียมปิดภารกิจ ลดบทบาท - เปิดทางกลไกหลัก

13 ส.ค. 2568 - 07:53

  • ‘โฆษก ศบ.ทก.’ รับสถานการณ์ชายแดนนิ่ง - จ่อถอยบทบาท

  • เตรียมนำผู้ช่วยทูตลงพื้นที่อุบลฯ 14 ส.ค.นี้

  • ARMAC แสดงความจริงใจเก็บกู้ทุ่นระเบิด

‘ศบ.ทก.’ เตรียมปิดภารกิจ ลดบทบาท - เปิดทางกลไกหลัก

‘พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ' รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ยอมรับว่า มีแนวโน้มยุติบทบาทของ ศบ.ทก. ในเร็วๆ นี้ ตามที่ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ระบุ เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนอยู่ในภาวะควบคุมได้ และมีกลไกหลักอย่างกระทรวงมหาดไทย กองทัพ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูแลอยู่แล้ว ขณะที่ 14 ส.ค. ยังมีการประชุม ศบ.ทก. และ 15 ส.ค. จะมีการประชุม สมช. เพื่อประเมินสถานการณ์ 

โฆษก ศบ.ทก. ชี้ว่า การถอยบทบาทไม่ใช่การยุบถาวร แต่เป็นการแสดงความจริงใจว่าสถานการณ์ไม่จำเป็นต้องใช้กลไกเฉพาะกิจควบคู่ไปกับหน่วยหลักอีกต่อไป เดิม ศบ.ทก. จัดตั้งขึ้นช่วงข้อพิพาทชายแดน เพื่อบูรณาการแก้ปัญหาในภาวะเร่งด่วน ซึ่งต่อมาสถานการณ์ดีขึ้น แม้เคยมีเหตุรุนแรงจากทุ่นระเบิดและการปะทะ แต่หลังลงนามข้อตกลงจีบีซี ทิศทางความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาก็ดีขึ้น และเตรียมประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ในเร็ววัน 

ทั้งนี้ พล.ร.ต.สุรสันต์ ย้ำว่า ปัญหาไทย–กัมพูชา เป็นประเด็นระหว่างประเทศที่มีกลไกหลักอย่าง อาร์บีซี จีบีซี และเจบีซี อยู่แล้ว การแก้ปัญหายั่งยืนต้องอาศัยการเจรจามากกว่าการใช้กำลัง พร้อมระบุว่าหากในอนาคตเกิดสถานการณ์ตึงเครียด ศบ.ทก. สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที 

พร้อมกันนี้ได้แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า สถานการณ์โดยทั่วไปตามบริเวณชายแดนในห้วงเวลาที่ผ่านมาอยู่ในภาวะปกติ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยมีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยสังเกตเห็น หรือสังเกตพบการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาในเรื่องการเสริมที่มั่นแข็งแรงในพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบ.ทก.ได้หารือเรื่องการปฏิบัติของผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวของอาเซียน ซึ่งเป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) สมัยวิสามัญ โดยการนำผู้ช่วยทูตทหารของสมาชิกอาเซียน นำโดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของมาเลเซียประจำประเทศไทย ลงพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์ผลกระทบต่างๆ ในพื้นที่ รวมไปถึงความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบเพื่อแสดงความโปร่งใส ความจริงใจ และยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยตามหลักปฏิบัติของสากล 

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า โดยในวันเดียวกัน (13 ส.ค.) จะมีการประชุมที่กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งมีคณะผู้ช่วยทูตต่างๆ มาร่วมประชุม เพื่อกำหนดแผนงานในการลงพื้นที่ ซึ่งการลงพื้นที่กำหนดไว้ในวันที่ 14 ส.ค. โดยจะลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และพื้นที่ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ที่เกี่ยวข้อง และเมื่อลงพื้นที่เสร็จเรียบร้อย ในวันที่ 15 ส.ค.จะมีการสรุปผลการดำเนินการ และทบทวนแผนการปฏิบัติที่จะทำแผนการปฏิบัติต่อเนื่องในห้วงเวลาต่อไปด้วย 

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการเสริมสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทาง ศบ.ทก. โดย ‘พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์’ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบ.ทก. มีความห่วงใยและพยายามเร่งหาแนวทางในการประสานความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่มีการวางในพื้นที่จำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ หรือความร่วมมือจากกัมพูชาเท่าที่ควร ล่าสุดได้เร่งประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อ

ขอให้ศูนย์อาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม (ARMAC) ซึ่งปัจจุบันผู้อำนวยการบริหารของศูนย์ดังกล่าวเป็นกัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายกัมพูชา และ ARMAC แสดงความจริงใจในการสนับสนุนภารกิจการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนด้วย เนื่องจากยังพบว่ามีทหารกัมพูชายังลักลอบวางทุ่นระเบิดจำนวนมาก ซึ่งทุ่นระเบิดนั้นๆ ถือเป็นภัยคุกคามที่ไม่ใช่แก่กำลังพลทหาร หรือฝ่ายความมั่นคงเท่านั้น แต่มีผลกระทบและอันตรายต่อพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนทั้งไทยและกัมพูชาด้วย 

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการทำงาน จะให้ศูนย์ ARMAC เข้ามาสนับสนุนด้านมนุษยธรรมควบคู่ไปกับการดำเนินการของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) เพื่อร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้มากที่สุด และฟื้นฟูพื้นที่ให้มีความปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องการลาดตระเวนในพื้นที่ต่างๆ ได้รับการประสานจากกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งการลาดตระเวนต่างๆ อาจต้องมีการปรับแผนในการลาดตระเวน และต้องมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเสริมในเรื่องการตรวจพบ ตรวจจับทุ่นระเบิดในพื้นที่ ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่า กองทัพมีการปฏิบัติและแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้  ศบ.ทก. เน้นย้ำว่าภารกิจนี้เป็นการปกป้องชีวิต ความปลอดภัยของประชาชนทุกคน กำลังพลทุกนาย รวมถึงการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างเต็มความสามารถ  

สำหรับทางกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้มีการหารือกับทางฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทาง กปช.จต. ได้แจ้งมาว่า จะมีการประชุมประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (อาร์บีซี) ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ ในพื้นที่ จ.ตราด ส่วนกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ยังอยู่ในเรื่องของการกำหนดห้วงเวลาที่ชัดเจน แต่เท่าที่ทราบคือ ช่วงปลายเดือน ส.ค.จะถึงนี้ ซึ่งตอกย้ำอีกเรื่องหนึ่งให้ประชาชนได้สบายใจและมั่นใจว่ากองทัพเองมีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อกำหนดเวทีของการประชุมอาร์บีซี และแน่นอนว่า 1 ในหัวข้อที่กำหนดไว้การประชุมอาร์บีซีคือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเราต้องขอความจริงใจจากฝ่ายกัมพูชาในเรื่องของการให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ระเบิดร่วมกันด้วย 

ส่วนเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ กระทรวงมหาดไทยโดยหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานภายใต้ของกระทรวงมหาดไทยต่างๆ ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยปัจจุบันได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแล้วบางส่วนและพิจารณาแนวทางการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา ทางกระทรวงมหาดไทยกำลังเร่งดำเนินการสำรวจและจะให้การช่วยเหลือต่อไป รวมทั้งภารกิจการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ยังตกค้างในพื้นที่จำนวนมาก หน่วยงานความมั่นคงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเราจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึง 

ในเรื่องการขอรับบริจาคลวดหนามให้กับหน่วยงานในพื้นที่ รัฐบาลกำลังเร่งรัดดำเนินการในการใช้งบส่วนกลางในการจัดหาลวดหนามอย่างเร่งด่วน ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในเรื่องการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็นการสนับสนุนภารกิจกองทัพอย่างเต็มความสามารถ โดยทางรัฐบาลเองพยายามเร่งรัดในเรื่องการดึงงบส่วนกลางมาใช้ ซึ่งปัจจุบันกองทัพกำลังรวบรวมความต้องการในการจัดหายุทโธปกรณ์และอุปกรณ์ทดแทน หรือมาเสริมขีดความสามารถ และทาง รมช.กลาโหม โดยกระทรวงกลาโหมจะเป็นผู้รับผิดชอบในการเร่งรัด รวบรวม ความต้องการของกองทัพเพื่อดำเนินการจัดหายุทโธปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ให้กองทัพ โดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่ต่อไปอย่างเร่งด่วน

"อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณธารน้ำใจจากพี่น้องประชาชนทุกๆ คนที่รวมไทยใจเป็นหนึ่งในการช่วยจัดหาลวดหนามในช่วงเวลาที่เร่งด่วน นับว่าเป็นการร่วมกันแสดงออกถึงความรักความสามัคคี การสนับสนุนการปกป้องอธิปไตยของชาติ รวมทั้งความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนและกำลังพลในแนวหน้าด้วย"

โฆษก ศบ.ทก. กล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์