PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

‘ม็อบรวมพลังฯ’ ชุมนุมหน้าสถานทูตมาเลเซียค้าน ‘ต่างชาติ’ แทรกแซงปมไทย-เขมร

22 พ.ย. 2568 - 10:23

  • ‘จตุพร-พิชิต’ นำคณะรวมพลังแผ่นดินฯ ชุมนุมหน้าสถานทูตมาเลเซีย

  • คัดค้านต่างชาติแทรกแซงปมไทย-กัมพูชา

  • เรียกร้อง ‘ประธานอาเซียน’ ต้องมีความเป็นกลาง

PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
PhotoStory-‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำมวลชนชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แสดงจุดยืนคัดค้าน ‘การแทรกแซงจากต่างประเทศ’ ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

‘คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์ และ พิชิต ไชยมงคล นำมวลชนกว่า 100 คน ชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย ถนนสาทรเหนือ กรุงเทพฯ เพื่อแสดงจุดยืน “คัดค้านการแทรกแซงจากต่างประเทศต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา”

โดยผู้ชุมนุมได้แสดงป้ายไวนิลขนาดใหญ่ที่มีภาพ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ, อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ระบุข้อความว่า “A threat to Thai national security” หรือ “ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติไทย” พร้อมถือธงชาติไทยและป้ายข้อความเรียกร้องให้ “หยุดแทรกแซงประเทศไทย” และ “ประธานอาเซียนต้องมีความเป็นกลาง” ท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.5 สน.ทุ่งมหาเมฆ และตำรวจควบคุมฝูงชน ที่มาควบคุมพื้นที่การชุมนุม และติดตั้งรั้วเหล็กกั้นบริเวณหน้าสถานทูต พร้อมอำนวยความสะดวกการจราจรแก่ประชาชนที่สัญจรบนถนนสาทรเหนือ

ขณะที่แกนนำได้ปราศรัยแสดงความกังวลต่อบทบาทของ อันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะประธานอาเซียน โดยมองว่ามีท่าทีโน้มเอียงเข้าข้างกัมพูชา และดำเนินการไม่รอบคอบในความพยายามไกล่เกลี่ยเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน นอกจากนี้ ยังวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่ามีความพยายามแทรกแซงกระบวนการเจรจาภายในอาเซียน

พิชิต กล่าวว่า แม้อันวาร์ในฐานะประธานอาเซียนจะริเริ่มการเจรจาสันติภาพ แต่กัมพูชากลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง และมีกรณีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการวางทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนกว่า 7 นาย จึงตั้งคำถามถึงท่าทีของผู้นำมาเลเซียว่า “มองข้ามพฤติกรรมที่กระทบต่ออธิปไตยไทย” พร้อมระบุว่าการแสดงออกครั้งนี้เป็นการยืนยันสิทธิของไทยในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ

พร้อมแสดงข้อกังวลต่อการดำเนินงานของอาเซียนภายใต้การนำของมาเลเซีย ทั้งการแต่งตั้งบุคคลภายนอกมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของประธานอาเซียนบทบาทการไกล่เกลี่ยที่ถูกมองว่าไม่สอดคล้องกับหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศสมาชิก และการเปิดช่องให้มหาอำนาจภายนอกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทในภูมิภาค ซึ่งผู้ชุมนุมมองว่าอาจกระทบต่อความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียนโดยรวม

ผู้ชุมนุมยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหากับประชาชนมาเลเซียหรือประชาชนสหรัฐอเมริกา และย้ำว่ายังมีความรักต่อกันในหมู่ประชาชน แต่ต้องการแสดงจุดยืนต่อพฤติกรรมของอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะผู้นำอาเซียน ที่มองว่าไม่รักษาความเป็นกลางของอาเซียน และอาจกระทบต่ออธิปไตยของไทย รวมถึงความสงบเรียบร้อยในภูมิภาค

ทั้งนี้ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ ได้อ่านแถลงการณ์ด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย โดยระบุว่า นับตั้งแต่มาเลเซียเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 อันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะผู้นำอาเซียน ได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยแก่ประชาคมอาเซียนและสังคมโลก ด้วยการแต่งตั้งทักษิณ ชินวัตร และฮุน เซน เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ไม่มีผู้ใดเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ และไม่มีใครทราบบทบาทที่แท้จริงของบุคคลทั้งสองในตำแหน่งนี้ต่อผลประโยชน์ของอาเซียน

ต่อมาเมื่อเกิดการปะทะโดยการเริ่มต้นของกัมพูชาบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ภายใต้การสั่งการของโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ การกระทำของอันวาร์ อิบราฮิม ได้เรียกประชุมเจรจาหยุดยิงอย่างเร่งรีบที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ การริเริ่มของอันวาร์ อิบราฮิม ครั้งนี้ดำเนินการไปอย่างไม่รอบคอบและไม่อยู่บนพื้นฐานที่มั่นคง ส่งผลให้การปฏิบัติตามข้อเจรจาหยุดยิงล้มเหลว

การกระทำของอันวาร์ อิบราฮิม จงใจเปิดช่องให้โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในอาเซียน กระทบต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยตรง และได้ทำลายหลักการสำคัญ 2 ประการของสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือของอาเซียน (TAC) คือ

1. การไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก

2. การละเว้นจากการข่มขู่หรือการใช้กำลัง ในมิติระหว่างประเทศ การกระทำของอันวาร์ อิบราฮิม ยังเป็นการคุกคามแนวคิดของอาเซียน ในฐานะกลไกป้องกันความขัดแย้งและแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ตลอดจนเจตนารมณ์ดั้งเดิมเรื่องความเป็นกลาง โดยประเทศไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงของสหรัฐและจีน หากอาเซียนไม่สามารถไกล่เกลี่ยความขัดแย้งผ่านกลไกภูมิภาคของตนเองได้ การแทรกแซงจากมหาอำนาจย่อมเสี่ยงทำให้อาเซียนถูกกันออกจากกระบวนการ

อันวาร์ อิบราฮิม ได้อ้างหลักการแก้ไขข้อพิพาทตามแนวทาง “วิถีอาเซียน” ซึ่งคือการเจรจาผ่านกลไกภูมิภาค แต่ความคับแคบทางความคิดของอันวาร์ อิบราฮิม กลับทำให้การไกล่เกลี่ยเพื่อสันติภาพล้มเหลวอย่างประจักษ์ชัด

ประการแรก การเจรจาหยุดยิงครั้งแรกที่กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งนำไปสู่การประกาศ “ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์” เป็นการกระทำที่มุ่งสร้างภาพและขยายอิทธิพลทางการเมืองของอันวาร์ อิบราฮิม ขณะเดียวกันก็แสดงตัวเป็นผู้รับใช้โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ อย่างไร้เกียรติศักดิ์ศรีในฐานะผู้นำอาเซียน ขัดต่อจุดยืนของประชาชนมาเลเซียที่ต่อต้านการรุกรานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ภายใต้การสนับสนุนของโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ทั้งข้อตกลงดังกล่าวขาดองค์ประกอบสำคัญหลายประการของการหยุดยิงอย่างยั่งยืน เช่น เงื่อนไขการอ้างอิงเพื่อป้องกันการใช้กำลังรุนแรง การจัดตั้งกลไกตรวจสอบ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของความช่วยเหลือทางการทูตเพื่อคลี่คลายเจตจำนงทางการเมืองของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา แต่อันวาร์ อิบราฮิม กลับให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์มากกว่าการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

ประการที่สอง หลังจากนั้น อันวาร์ อิบราฮิม ยังเชิญอำนาจภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้แนวทาง “วิถีอาเซียน” ในการบริหารจัดการข้อพิพาทภายในภูมิภาคไร้ความหมาย การกระทำและวาระของอันวาร์ อิบราฮิม ที่มุ่งหวังผลประโยชน์ระยะสั้นด้านภาษีศุลกากรกับสหรัฐ ล้วนเกิดขึ้นโดยแลกกับความเป็นเจ้าของกลไกภูมิภาคของอาเซียน ผลประโยชน์ของอันวาร์ อิบราฮิม คือการสูญเสียของอาเซียน และการสูญเสียอำนาจอธิปไตยเขตแดนของไทย

การกระทำของอันวาร์ อิบราฮิม จึงเป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าอาเซียนโดยตรง นอกจากนี้ อันวาร์ อิบราฮิม ยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดนใต้ของไทยมาโดยตลอด ทุกครั้งที่การเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ อันวาร์ อิบราฮิม จงใจส่งตัวแทนที่ไม่มีอำนาจสั่งหยุดยิงมาเจรจากับไทย ทั้งที่ทราบดีว่าใครเป็นผู้สั่งการตัวจริง และยังมีการเปลี่ยนผู้เจรจาอยู่เสมอ ทั้งเมื่อการเจรจามีความคืบหน้า อันวาร์ อิบราฮิม ก็จะปรับกระบวนการให้ไปเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า อันวาร์ อิบราฮิม มีส่วนสำคัญในการก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย

ในฐานะประชาชนคนไทย ยืนยันว่ามาเลเซียคือประเทศเพื่อนบ้านที่มีความผูกพันใกล้ชิด และไม่มีปัญหาใดๆ กับประชาชนชาวมาเลเซีย แต่เราต่อต้านพฤติกรรมของอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะผู้นำอาเซียน ที่ใช้เวทีอาเซียนเป็นเวทีส่วนตัวเพื่อประโยชน์ทางการเมืองภายในของตนเองมากกว่าผลประโยชน์ของอาเซียนโดยรวม

ดังนั้น ในฐานะประชาชนคนไทย จึงขอประณามการกระทำของอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะผู้นำอาเซียน ที่แทรกแซงกิจการภายในของไทย ส่งผลให้ไทยสูญเสียอำนาจอธิปไตยเขตแดน และเปิดช่องให้โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แทรกแซงอำนาจอธิปไตยไทยและความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์