กรณีที่วานนี้ (25 ก.ย.) การประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มในช่วงการพิจารณา “ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ” หรือ “กฎหมายอากาศสะอาด”
เรื่องดังกล่าว วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นว่า “เป็นความรับผิดชอบของ สส. ที่จะต้องมาประชุมให้ครบองค์ประชุม หากไม่ครบสภาฯต้องปิดประชุม ส่วนตัวยังเชื่อว่า ต่อไปไม่น่าจะมีปัญหา ต้องใช้เวลาสักพัก ทุกอย่างก็มักเป็นเช่นนี้ แต่กรณีนี้ที่เกิดขึ้นถือเป็นสถานการณ์เฉพาะ ฝ่ายหนึ่งอยากเสนอญัตติที่เกี่ยวกับปัญหาถนนทรุดที่หน้าโรงพยาบาลวชิระขึ้นมาอภิปรายก่อน แต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาดก็สำคัญ ดังนั้นเมื่อมีการพูดคุยแล้วก็มีการแสดงความเห็นไม่พอใจออกมา แต่ผลเสียคือสภาฯต้องปิดก่อน”
ก็มองเห็นว่าภาพของสภาฯเสีย แต่ถือว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะ คงไม่เกิดขึ้นทุกวัน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทุกสมัยประชุม ก็อาจมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมบ้าง แต่เชื่อว่าน่าจะปรับได้ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านแตกออกเป็น 2 ฝั่งจะให้งานสภาฯเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการปรับตัว เชื่อว่าคงปรับตัวได้ เพราะเคยทำงานร่วมกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระ จะส่งผลต่อการทำงานหรือไม่? ประธานสภาฯ กล่าวว่า “เรื่องความเห็นต่างจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ในที่สุดสภาฯเป็นของสมาชิกทุกคน ไม่น่าจะต้องมีปัญหา สักพักคงปรับตัวกันได้”
เมื่อถามย้ำว่าต่างฝ่ายต่างโทษกันเอง “ใครต้องรับผิดชอบ” ? ประธานสภาฯ กล่าวว่า “หากดำเนินการประชุมไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบ”
เมื่อถามว่าในวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา หากองค์ประชุมไม่ครบจะทำอย่างไร? ประธานสภาฯ กล่าวว่า “แล้วแต่ที่ประชุม ขึ้นอยู่กับกติกา แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหาในวันดังกล่าว เพราะประชาชนติดตามฟังกันอยู่ทั่วประเทศ คงไม่น่ามีปัญหาในเรื่ององค์ประชุมไม่ครบ เพราะนโยบายเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแถลง ประชาชนทั่วประเทศรอฟังอยู่”
เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดเป็นเพราะพรรคประชาชนไปสนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือไม่? ประธานสภาฯ กล่าวว่า “เป็นความเห็นที่แตกต่าง เป็นเรื่องธรรมดา เราจะไปบังคับใครไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามไปถึงกรณีที่ “เลขานุการประธานรัฐสภาทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อขอตัว ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก หรือ “ผู้กองแคท” นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นกรณีพิเศษ” ปรากฏว่าประธานสภาฯปฏิเสธที่จะตอบคำถาม และเดินเข้าลิฟต์ไปทันที