เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘ตอกฝาโลง’พรรคเพื่อไทย บินหนี‘ฉากสุดท้ายทักษิณ’ ส่องในคอ ‘หนู ซิโน-ไทย’ แขวนพระรอดมูลค่า 30 ล้าน

4 ก.ย. 2568 - 23:46

  • ทักษิณ ชินวัตร โบกมือลาเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วไม่รู้ว่าชั่วคราวหรือถาวร

  • ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ว่าไปหัวหิน แต่เลี้ยวไปสิงคโปร์ และสุดท้ายหันหัวไปดูไบ

  • ส่องพระในคอนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เสี่ยหนู พระรอดลำพูน หนึ่งในพระชุดเบญจภาคี

เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘ตอกฝาโลง’พรรคเพื่อไทย  บินหนี‘ฉากสุดท้ายทักษิณ’  ส่องในคอ ‘หนู ซิโน-ไทย’  แขวนพระรอดมูลค่า 30 ล้าน

เรื่องมันมีอยู่ว่า  การโบกมือลาประเทศไทยของทักษิณ ชินวัตรครั้งนี้ หลายฝ่ายคาดเดาไว้ล่วงหน้าว่าอาจจะเกิดขึ้น  เพราะวันตัดสิน 9 กันยายนมีความชัดเจนในระดับหนึ่ง แต่เวลานี้ขอออกไปตั้งหลักที่ต่างประเทศก่อน<>ส่องพระในคอนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 อนุทิน ชาญวีรกูล  พระรอดลำพูน วัดมหาวัน  จังหวัดลำพูน หนึ่งในพระชุดเบญจภาคี เช่าบูชามาในราคา 30 ล้านบาท  <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

‘ตอกฝาโลง’พรรคเพื่อไทย

บินหนี‘ฉากสุดท้ายทักษิณ’

เมื่อวันที่ 4 กันยายน ราวๆช่วงเย็นจวนจะค่ำ ก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ซึ่งเป็นช่วงที่คนโบราณเขาเรียกกันว่า ‘ผีตากผ้าอ้อม’ ก็ปรากฎข่าวใหญ่ ‘ลือสะพัด’ ว่าทักษิณ ชินวัตร อยู่สนามบินดอนเมือง และกำลังจะบินด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว

จุดหมายปลายคือสิงคโปร์ท่ามกลางการ ‘ลุ้นระทึก’ ว่าวันอังคารที่ 9 กันยายน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่าน ‘คำพิพากษา’  กรณีการบังคับโทษทักษิณ ที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปีเป็นไปโดยชอบตามกระบวนการกฎหมายหรือไม่

คดีชั้น 14 ไฮไลท์ของเรื่องอยู่ที่การไต่สวนนัดที่ 7 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม มีพยานปากสำคัญ อดีตรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ช่วงที่ทักษิณ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566

วันที่ 30 กรกฎาคม หลังการไต่สวนสิ้นสุดลง มีการเผยแพร่ข่าวว่านัดฟังคำสั่งวันที่ 9 กันยายนเวลา10.00 น. และมีคำสั่งให้ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทักษิณ จำเลยเข้าฟังด้วย

ประโยคท้ายที่แหละที่หลายคน ‘เอะใจ’

ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกจากประเทศไทยก่อนวันฟังคำตัดสินของศาลฯ ปลายทางแจ้งไว้ลงที่สิงคโปร์ แต่เปลี่ยนจุดหมายใหม่ไปดูไบ
ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกจากประเทศไทยก่อนวันฟังคำตัดสินของศาลฯ ปลายทางแจ้งไว้ลงที่สิงคโปร์ แต่เปลี่ยนจุดหมายใหม่ไปดูไบ

ย้อนดูเรื่องราวก่อน ทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมปรากฎข่าว ‘ดีลลับ’ ว่าการเดินทางกลับประเทศไทยของทักษิณ ซึ่งบินว่อนอยู่ต่างประเทศเพื่อ ‘หนีคดี’  ตั้ง 17 ปีนั้นเพื่อ ลดแรงกระเพื่อมทางการเมืองบางอย่างที่ต้องการเปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว การเดินทางกลับเกิดขึ้นพร้อมๆกับการ ‘เปลี่ยนขั้ว’ การเมือง

ใน 2 ปีของการอยู่ประเทศไทย รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนนายกฯ 2 คน  แต่ใน 2ปีของทักษิณเป็น การนอนที่ชั้น 14 ถึง 181 วันท่ามกลางความสังสัยว่า ‘ป่วยจริง’ หรือ ‘ป่วยทิพย์’  เหตุใดถึงไม่กลับไป ‘ติดคุก’ ที่เรือนจำ

ฟางเส้นสุดท้ายน่าจะอยู่ที่ ‘คลิปลุง-หลาน’ ที่นำไปสู่การเปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งก็คือการหมดอำนาจของพรรคเพื่อไทยและของทักษิณ

อดคิดไม่ได้ว่าที่ฝุ่นตลบทางการเมือง ชิงยุบสภา ชิงจับขั้วตั้งรัฐบาลนั้นคือ ‘นาทีทองฝังเพชร’ ที่ถูกใช้เป็นจังหวะ ‘หนีคดี’ อีกครั้งหรือไม่

แปลกที่พรรคเพื่อไทยยื่นข้อเสนอ ‘ยุบสภา’ ทันทีที่แถลงนโยบายเสร็จ เพื่อ‘ซื้อมือ’ พรรคประชาชนเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งที่โอกาสสำเร็จแทบจะเป็นศูนย์ พรรคเพื่อไทยทำทำไม หรือต้องการ ‘เบนความสนใจ’ ทางการเมือง

ดูน่าเสื่อแล้ว ทุกสถานการณ์ล้วนไม่เป็นคุณกับพรรคเพื่อไทยและทักษิณทั้งสิ้น 2 ปีที่ทักษิณ ผู้เรียกตัวเองว่า ‘ส.ท.ร.’ กลับมาแล้วเสวยอำนาจจึงสูญเปล่า

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทักษิณผู้รับรู้อย่างใกล้ชิดในทุกสถานการณ์ก็ ‘อ่านไม่ยาก’ ว่า อยู่จนถึง 9 กันยายนนั้นได้กลับไป ‘ติดคุก’ สถานเดียว

‘บินหนี’ จึงเป็น ‘ฉากจบ’ ที่ ‘จบบริบูรณ์’ ของผู้นำจิตวิญญาณที่เลือกวิธีการ ‘เอาตัวรอด’

ส่วนพรรคเพื่อไทย กลไกลเข้าสู่อำนาจก็ถึงเวลา‘ปิดประตูตาย’ เลิกกิจการ จบข่าว

<<<<<<>>>>>> 

ส่องในคอ ‘หนู ซิโน-ไทย’

แขวนพระรอดมูลค่า 30 ล้าน

ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล หรือที่เรียกกันแบบคุ้นเคยว่า ‘หนู’ ทายาทอาณาจักร ‘ซิโน-ไทย’ ยักษ์ใหญ่ด้านการก่อสร้างเบอร์ต้นๆของประเทศไทย

ตามประสาคนมีอันจะกิน จึงไม่แปลกที่กิจกรรมและรสนิยมในการใช้ชีวิตแต่ละเรื่องของ ‘เสี่ยหนู’จึงไม่ธรรมดาอย่างใครๆเขา โดยเฉพาะกิจกรรม ขับเครื่องบินส่วนตัว ที่ ‘เสี่ยหนู’ มีเหมือนเศรษฐีทั่วไป แต่พิเศษคือไม่ใช่การขับเพื่อความเพลิดเพลินเท่านั้น แต่พัฒนามาเป็น ‘จิตอาสา’ นำอวัยวะที่ได้รับบริจาคมา ส่งให้ถึงผู้รับบริจาคเพื่อ ‘ต่อชีวิต’ กิจกรรมนี้ ‘เสี่ยหนู’ ทำมานาน ใครๆก็รู้กันทั่ว

แต่อีกกิจกรรมซึ่งก็น่าจะเป็นปกติแต่ไม่ธรรมดา เพราะขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า การเมืองกับพระเครื่อง นั้น ‘คู่กัน’  ง่ายๆก็คือ ‘เสี่ยหนู’ เป็นนักสะสม นักนิยมพระเครื่องเมืองไทยตัวฉกาจ

ภาษาวงการพระเครื่องเรียกว่า ‘รังพระ’ หรือมีพระเครื่องจำนวนมากไว้ในครอบครอบ โดยเฉพาะที่คนไทยรู้จักกันอย่างพระชุด ‘เบญจภาคี’

วงการพระเครื่องเรียกเขาว่า ‘หนู ซิโน-ไทย’  พระที่ ‘เสี่ยหนู’ สะสมจัดอยู่ในระดับ ‘รังพระ’ เบอร์ต้นๆของนักนิยมพระเครื่องเมืองไทย

ครั้งหนึ่ง ‘เสี่ยหนู’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เคยอนุญาตให้เอาพระ ‘ในคอ’ มาขึ้นปกนิตยสารพระเครื่อง จนเป็นที่ฮือฮามาแล้ว

พระในคอองค์ที่ว่านั้นคือ ‘พระรอด’ กรุวัดมหาวัน วัดมหาวัน จ.ลำพูน ตามข้อมูลระบุว่า ‘พระรอด’ นี้สร้างสมัย พระนางจามเทวีเมื่อราว พ.ศ.1200

พระรอดลำพูน กรุวัดมหาวัน จังหวัดลำพูน ที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 อนุทิน ชาญวีรกูลห้อยคอ หนึ่งในพระเครื่องชุดเบญจภาคี (ขอบคุณภาพจากเพจ พระองค์ครู ไตรเทพ ไกรงู)
พระรอดลำพูน กรุวัดมหาวัน จังหวัดลำพูน ที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 อนุทิน ชาญวีรกูลห้อยคอ หนึ่งในพระเครื่องชุดเบญจภาคี (ขอบคุณภาพจากเพจ พระองค์ครู ไตรเทพ ไกรงู)

‘พระรอด’ ในอดีตนั้นสร้างไว้ และถูกบรรจุในเจดีย์ แต่ด้วยเวลาที่เนิ่นนาน เมื่อเจดีย์ เกิดชำรุดก็เกิดการบูรณะ ก็เกิดปรากฎการณ์ ‘กรุแตก’ และกลายที่ต้องการของนักสะสมผู้นิยมพระเครื่อง

พระรอด องค์ที่อยู่ในคอ ‘เสี่ยหนู’ เป็นพระรอดกรุวัดมหาวัน ‘พิมพ์ใหญ่’  สภาพสมบูรณ์สวยงามชัดเจนเข้าตำราทุกประการ

ตามประวัติผู้ครอบครอง ระบุว่าเดิมอยู่กับนายตำรวจ ต่อมามาอยู่ใน ‘รังพระ’ ของผู้นิยมพระระดับเบอร์ต้นๆของเมืองไทย แต่สุดท้ายต่อมาอยู่ในการครอบครองของ อนุทิน

ว่ากันว่าสนนราคาราวๆ ‘30 ล้านบาท’  ครั้งหนึ่ง ‘เสี่ยหนู’  เคยพูดถึงสะสมพระว่า ชอบและศรัทธา เชื่อในพุทธคุณ หลายครั้งก็ใช้ในการทำสมาธิ ด้วยการหยิบขึ้นมา ‘ส่องกล้อง’ เพื่อให้เกิดความนิ่งและความสงบ

‘พระรอด’  เป็นพระที่สร้างด้วยดินแล้วนำมาเผา หรือวงการพระเรียกว่า ‘เนื้อดินเผา’  มีขนาดเท่า 1 ข้อนิ้วก้อยเท่านั้นเอง

‘เสี่ยหนู’ เคยพูดแบบ ‘ทีเล่นทีจริง’ ตามนิสัยว่า ถ้าดูขนาดและราคา ก็ต้องบอกว่าเป็น ‘ก้อนดิน’ ที่แพงที่สุดในประเทศไทย

ตอนนิมนต์มาขึ้นคอ ราคา 30 ล้านบาท แต่มาตอนนี้ราคาคงไปไกล 40-50 ล้านบาทเห็นจะได้

แต่ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ ‘เสี่ยหนู’ ก็บอกว่า นิยมซื้อสะสมไม่นิยมซื้อแล้วขาย

นี่แหละ ‘เสี่ยหนู’ ผู้มีพระรอดอยู่ในคอคุ้มครอง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์