เรื่องมันมีอยู่ว่า อนุทินระวังเหยียบ‘กับระเบิด’ ฟอร์มครม.ไม่ดู‘ตาม้าตาเรือ’ ‘ชั้น14’จุดจบ‘ระบอบทักษิณ’ ‘มานพ ชื่นชม’จำชื่อนี้ไว้ให้ดี

7 ก.ย. 2568 - 23:46

  • รัฐบาล ‘หนู 1’ที่กำหนดหมดอายุ 4 เดือน จึงต้องคิดมากว่าจะแต่งตั้งใคร

  • คณะรัฐมนตรีอายุสั้นต้องดี ทำงานเป็น ถ้าวางพลาดเหมือนเหยียบกับระเบิด

  • วันที่ 9 เดือน 9 เป็นวันที่ทักษิณ ชินวัตรต้องจดจำฝังลึก ไม่ว่าจะฟังคำตัดสินจากที่ไหน

เรื่องมันมีอยู่ว่า อนุทินระวังเหยียบ‘กับระเบิด’ ฟอร์มครม.ไม่ดู‘ตาม้าตาเรือ’ ‘ชั้น14’จุดจบ‘ระบอบทักษิณ’ ‘มานพ ชื่นชม’จำชื่อนี้ไว้ให้ดี

เรื่องมันมีอยู่ว่า  รัฐบาล ‘หนู1’ กำหนดหมดอายุ 4 เดือน ทำให้ต้องคิดมากว่าจะแต่งตั้งใครเข้ามา ไม่เช่นนั้นเหมือนเดินเหยียบกับระเบิด  เพราะสายตาวิญญูชนจับจ้องอยู่ <>  วันที่ 9 เดือน 9 จะเป็นวันดี หรือวันพังพินาศของทักษิณ ชินวัตร คำตอบใกล้เข้ามาแล้ว ไม่ว่าเขาจะฟังคำตัดสินที่หน้าบัลลังก์ หรือรับฟังจากแดนไกล เป็นวันที่เขาลืมไม่ลงแน่นอน<> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

อนุทินระวังเหยียบ‘กับระเบิด’

ฟอร์มครม.ไม่ดู‘ตาม้าตาเรือ’

ยังคง ‘ฝุ่นตลบ’ กับครม.‘หนู 1’ แม้อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะบอกว่า ‘เตรียมไว้หมดแล้ว’ ก็ตามเถอะ ‘ครม.หนู 1’  น่าจะแบ่งเป็นส่วนๆได้ดังนี้

ส่วนแรกคือประเภทหน้าตาดี อย่าง สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ,เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รมว.คลัง ,อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์  รมว.พลังงาน และวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง

รายสุดท้ายนี้  เป็นอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยเป็น 1 ใน 32  รายที่ถูก  ป.ป.ช. แจ้งข้อหากล่าวหาว่ามีส่วนร่วมทุจริตกรณี ‘บริษัท เอ็นเนอยี่ เอิร์ธ จำกัด  (มหาชน)’  ทำเอกสารเท็จเบิกเงินธนาคารกรุงไทยไปจ่ายค่า ‘ถ่านหิน (ทิพย์)’ ที่นำเข้าจากอินโดนีเซีย   การไต่สวนเสร็จแล้วรอ คณะกรรมการ ป.ป.ช.  พิจารณาชี้มูลอยู่

นอกจากนี้ วรภัค ยังมีชื่อเป็นกรรมการบริหาร บริษัท ‘เพื่อนสนิท’ ของฮุนเซนด้วย

เสี่ยหนูคุยว่ารู้จักกับวรภัคมา 30 ปีแล้ว ไม่รู้ว่ารู้จักแค่ไหน ทำไมจึงคิดจะตั้งคนที่มี ‘ชนัก’ แท่งเบ้อเริ่มปักหลัง มาเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง  ถือว่า ‘พลาด’  ตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าทำเนียบเลยทีเดียว

ส่วนต่อมา แกนนำพรรคภูมิใจไทยและทีมขับเคลื่อนการเมือง อาทินายกฯอนุทินที่จะควบ รมว.มหาดไทย ,พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคม ,ไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอี,ภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสนักฯซึ่งน่าจะมาคุมสื่อ

ส่วนสำคัญอย่างพรรคร่วม และ‘กลุ่มการเมือง’ ที่สนับสนุนอย่าง พรรคกล้าธรรมที่ล่าสุดมีข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้นำจิตวิญญาณของพรรค จะนั่งรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เครื่องยนต์ตัวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ผู้กอง ธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคกล้าธรรม  ยังยึดแนวทาง‘กล้าทิ้ง’เพื่อไทย เพื่อมาร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
ผู้กอง ธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคกล้าธรรม ยังยึดแนวทาง‘กล้าทิ้ง’เพื่อไทย เพื่อมาร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย

ขณะที่พลังประชารัฐ สันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำกลุ่มมะขามหวาน  รมว.สาธารณสุข ,ตรีนุช เทียนทอง กลุ่มสระแก้ว รมว.แรงงาน

ซีก รวมไทยสร้างชาติ ที่แม้จะยกมือหนุนอนุทิน 33 คน และงดออกเสียง 3 คน จากทั้งหมด 36 คน   แต่ประกาศตัวมาแต่แรกว่าหนุนอนุทิน คือกลุ่ม 18  สส.ของสุชาติ ชมกลิ่น   ที่น่าจะชัดเจนแล้วเห็นจะมี สุชาติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ  กับจ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ คนสนิทสุชาติ ที่ถูกหวย ได้เป็น รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม   และธนกร วังบุญคงชนะ  รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

อีก 13  คน รวมทั้งเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค แม้จะโหวตให้อนุทิน  แต่คิดช้าไปหน่อย คงไม่ได้ตำแหน่งอะไร

ส่วน‘กลุ่มผู้สนับสนุน’ ที่มีศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี เป็นแกนหลัก จะได้ 1 ว่าการ ขณะที่ ‘งูเห่า’ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีทั้งชื่อ นริศ ขำนุรักษ์ และกลุ่มนิพนธ์ บุญญามณี ที่มีโอกาสได้นั่งเก้าอี้

ถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฎว่า ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะนั่งรองนายกฯ ควบรมว.กลาโหมหรือไม่ หรือแม้แต่ รมว.ยุติธรรม ซึ่งจะคุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ที่ระยะหลังทำตาม ‘ใบสั่งการเมือง’ อย่าง ‘โจ๋งครึ่ม’  จะเป็นที่ ‘ยอมรับ’ หรือไม่

ต้องไม่ลืมว่า ครม.อนุทิน นั้นจะมีแค่ ‘ครม.หนู1’  เพราะติดเงื่อนไข ‘ยุบสภา 4 เดือน’ ของพรรคประขาชน ‘ตัวบุคคล’ โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองจำเป็นต้อง ‘พูดแล้วทำ’  ขณะที่นโยบายเร่งด่วนกู้เศรษฐกิจ ฟื้นความเชื่อมั่นต้อง ‘ชัดและเฉียบ’

ครม.รอบนี้จึงไม่ง่าย เพราะมี ‘กับระเบิด’  ชนิดที่เรียกว่า ‘ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์’  กับ ‘วิญญูชน’ฝังอยู่  ไม่ดู‘ตาเรือตาม้า’  ระวังเหยียบกับระบิดนะจะบอกให้

จะตั้งใครเป็นรัฐมนตรี ต้องดูให้ดีว่า มีชนักปักหลังมาด้วยหรือไม่ เพราะจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดยิบ

เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วนะ  เสี่ยหนู   ไม่ใช่แค่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก  ทำตาม ‘ความต้องการ’ ของ ครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ  คนเดียว ก็อยู่ได้สบายๆ

<<<<<>>>>>>> 

‘ชั้น14’จุดจบ‘ระบอบทักษิณ’

‘มานพ ชื่นชม’จำชื่อนี้ไว้ให้ดี

1 เดือนกว่าๆที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เปิดไต่สวน‘การบังคับโทษ จำคุก’ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ว่าเป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดหรือไม่นั้น มีการเรียกพยานบุคคล 31 ปากขึ้นเบิกความ พยานปากสุดท้ายชื่อ วิษณุ เครืองาม ซึ่งขณะ ทักษิณ เดินทางกลับ 22 สิงหาคม 2566 นั้น วิษณุ รักษาการรองนายกฯและรมว.ยุติธรรม

ทั้งคดีชั้น 14 ทั้งคดี 112 ก่อนหน้านี้(ศาลชั้นต้นยกฟ้อง) วิษณุก็ขึ้นให้การในฐานะพยานฝ่ายจำเลย

คดีนี้ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องให้ ศาลฎีกา 3 ครั้งว่า การบังคับโทษ ‘ไม่ชอบด้วยกฎหมาย’  มีเจ้าหน้าที่รัฐสมคบช่วยเหลือให้เลี่ยงโทษโดยอ้างอาการป่วย และขอให้ศาลบังคับโทษให้นำตัวเข้าคุก แม้ศาลฎีกาฯ จะยกคำร้องทั้งหมด แต่ก็สั่งไต่สวนเองในเวลาต่อมา

วันที่ 9 กันยายน เวลา 10.00 น. คือ ‘วัน-เวลา’ อีกหน้าประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย มี 2 ทางคือ

1.ถ้าการบังคับโทษเป็นไปตามกฎหมาย ทักษิณก็ไม่ต้องกลับไปรับโทษ(ติดคุก)

2.ถ้าการบังคับเป็นไปโดย‘ไม่ชอบ’ด้วยกฎหมาย ทักษิณก็ต้องกลับไปรับโทษ

ส่วน 12 เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งราชทัณฑ์ ทั้งโรงพยาบาลตำรวจที่เกี่ยวข้องนั้น สำนวนอยู่ในมือ ป.ป.ช.และจะเป็น ‘ดาบแรก’ ที่จะฟันออกมา ส่วนฝ่ายเมืองอย่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม ก็ ‘ยากเหลือเกิน’ ที่จะปัดความรับผิดชอบพ้น

ได้รับการยืนยันว่า แม้ทักษิณ จะมาปรากฎตัวมาฟังคำพากษาหรือไม่ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า จะมาและพร้อมเข้ารับฟังคำพิพากษา ขณะที่อีกกระแสบอกว่าจะตั้งหลักอยู่สิงคโปร์รอฟังผลซึ่ง‘สวนทาง’ กับคนส่วนใหญ่ที่มองว่า ‘ไปแล้ว-ไปลับ’ แต่ศาลฎีกาฯ ก็อ่านคำพิพากษาไม่มีเลื่อนแน่นอน

วันที่ 9 เดือน 9 ไม่ว่าทักษิณ ชินวัตรจะฟังตัดสินหน้าบัลลังก์ หรือต่างประเทศ  เป็นวันที่เขาลืมไม่ลงแน่นอน
วันที่ 9 เดือน 9 ไม่ว่าทักษิณ ชินวัตรจะฟังตัดสินหน้าบัลลังก์ หรือต่างประเทศ เป็นวันที่เขาลืมไม่ลงแน่นอน

ความน่าสนใจประการหนึ่งคือเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ศาลไต่สวนพยานปากสุดท้าย  และนัดฟังคำสั่งในวันที่ 9 กันยายน ศาลมีคำสั่งให้ทักษิณ ชินวัตร กับมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เข้าฟังคำสั่งศาลฎีกาฯด้วย

ถ้าจำได้ ผบ.มานพ ขึ้นให้การไว้เมื่อ 13 มิถุนายน ในฐานะพยานปากแรก ช่วงสำคัญเมื่อถูกศาลซักถามถึงกระบวนการการส่งตัว

‘ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์อยู่ใกล้กับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เรียกได้ว่ามีบริเวณรั้วติดกัน ซึ่งปกติผู้ต้องขังจะต้องถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ทุกครั้งก่อนส่งไปโรงพยาบาลภายนอก’

ศาลซักอีกว่า ยืนยันว่าจำเลย(ทักษิณ)ไม่ได้ถูกส่งตัวไป รพ.ราชทัณฑ์ก่อนใช่หรือไม่ แต่ส่งไป รพ.ตำรวจเลย ผบ.มานพ ระบุว่า ‘ใช่ส่งไป รพ.ตำรวจเลย’

มานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พยานปากเอก ที่ศาลให้มาฟังคำตัดสินด้วย
มานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พยานปากเอก ที่ศาลให้มาฟังคำตัดสินด้วย

พยานมี 31 ปาก ทำไมศาลสั่งให้ ผบ.เรือนจำพิเศษ กรุงเทพ มาฟังคำสั่งด้วย ‘เพียงคนเดียว’

ในศาลอาญาก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จะเข้ามาในห้องพิจาราณคดี พร้อมกุญแจมือ นั่งประกบจำเลยอยู่ห่างๆ  ถ้าศาลยกฟ้องก็แล้วไปแต่ถ้าศาลสั่งจำคุก     เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็จะ‘สวมกุญแจมือ’ จำเลย คุมตัวไปขัง รอประกันตัว หรือถ้าไม่ได้ประกันก็รอส่งไปเรือนจำ

ไม่รู้ว่าวันที่ 9 กันยายน ผบ.มานพ  ต้องมา‘ทำหน้าที่’ นี้ด้วยตัวเองด้วยหรือเปล่า 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์