เรื่องมันมีอยู่ การเมืองสนามเล็ก สนามใหญ่ในสงขลา กำลังสนุกสนานทั้งโครงการลงทุนพัฒนาจังหวัดต่อเนื่อง และการโยกย้าย ซี่งการปรากฎตัวของภูมิใจไทยกับ บอกความหมายหลายประการ <> การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ กัมพูชายืนยันว่ามาแน่ แต่มาน้อย ส่วนเจ้าภาพกำลังเจอปัญหางานอีเวนท์สิ้นปีแน่นทุกงาน ต้องจัดสรรกำลังความพร้อมกันใหม่ <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
การเมืองสงขลา
หรอยจังฮู้!!!
ครับพี่น้อง
ทั้ง 3 ความเคลื่อนไหวในสงขลา เวลานี้ ไม่ว่าสนามเล็กสนามใหญ่ ถ้า ‘ดูให้ลึกลงไป’ จะพบว่า ล้วนเกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งสิ้น ต้องบอกว่าการเมืองสงขลา ชั่วโมงนี้ ‘เล่นกันหนัก’ ขึ้นทุกที
ปรากฎการณ์แรก ไม่เกินความคาดหมายกับการปรากฎตัวของ ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ ขุนพลภาคใต้ค่ายภูมิใจไทย บนโต๊ะอาหารกับ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ พร้อมลูกชาย ‘สรรเพชญ บุญญามณี’ สส.สงขลา
ด้วยเพราะก่อนหน้านี้ก็มีสัญญาณดังถี่ๆ เป็นระยะว่า เส้นทางการเมืองตระกูลบุญญามณี ในเสื้อสีฟ้าประชาธิปัตย์น่าจะ‘ไปต่อยาก’
โอกาสที่กก.บห.ของพรรคชุด ‘เฉลิมชัย-เดชอิศม์’ จะส่งลงสมัครรับเลือกตั้งน้อยเต็มทน ยิ่งค่ายสีฟ้ายุค ‘เดินหน้าลงคลอง’ ทำงานหนัก แต่เสียงตอบรับเท่านกร้อง แถมการเมืองในยามนี้ ‘เสี่ยงสูง’ ที่เกิดการยุบสภา จองเก้าอี้เสียแต่ตอนนี้ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า
อีกปรากฏการณ์ต่อมา ‘เลือดเข้าตา’ ไม่สู้ไม่ได้ เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อัดคลิปตอบโต้ ประมุขบ้านพระอาทิตย์ สนธิ ลิ้มทองกุล อ้างว่า ได้รับเสียหายมาหลายปี หลายเรื่อง หลายครั้ง พร้อมยกประโยคที่ว่า ‘ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว’ มาสู้ ก็แหงอยู่แล้วว่า 2 คนพูดเรื่องเดียวกัน ถ้าคนหนึ่งพูดจริง อีกคนหนึ่งต้องพูดเท็จ
พูดไม่พูดเปล่า ‘นายกชาย’ ขู่ด้วยว่า ถ้าภายใน วันที่ 15 สิงหาคมนี้ ‘สนธิลิ้ม’ ไม่ชี้แจงเห็นทีต้องไปเจอกันที่ศาล ถามคนในวงการรู้กันทั่วว่ายี่ห้อ ‘สนธิลิ้ม’ กลัวที่ไหนกับคำขู่ของนัการเมือง
จังหวะนี้ นายกชาย จำต้องสู้ เพราะไม่งั้นเลือกตั้งรอบหน้า ข้อมูลเหล่านี้จะผุดขึ้นมาบนเวทีปราศรัยในทุกพื้นที่แข่งขัน ‘เดิมพัน’ มันสูงไม่เฉพาะเก้าอี้เสนาบดีที่นั่งอยู่เท่านั้น ยังมีเลขาธิการพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ ท่ามกลางเสียงปรามาศว่า รอบที่แล้ว ‘หลักสิบ’ รอบนี้มีสิทธิ ‘หลักหน่วย’
ปรากฏการณ์สุดท้าย แนวคิดของ สุพิศ พิทักษ์ธรรม นายก อบจ.สงขลา ที่จะกู้เงิน 2,000 ล้านบาทมาสร้างซ่อมถนน 84 สาย จากสถาบันการเงินและกองทุนส่งเสริมองค์การบริหารส่วนจังหวัด เหตุผลก็ฟังแล้ว ‘ขัดหู’ ชอบกลว่า งานนี้ประโยชน์จะเกิดกับชาวสงขลา ลดตาย ลดเจ็บ จากการสัญจร ถือว่าคุ้มค่า ชีวิตประชานมาก่อนทำนองนั้น
งานนี้ประชาชนสงขลาส่วนหนึ่งออกโรง ‘คัดค้าน’ ว่า นอกจากไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยังจะ‘สร้างหนี้’ ให้คนสงขลาไปอีกนานนับ 10 ปี ความคิด ‘บรรเจิดเลิศหรู’ นี้ มาสะดุดหยุดลงที่เสียงคัดค้านเรียกร้องให้เปิดเวทีแบบ ‘เปิดอก ถกทุกฝ่าย’ ซึ่งก็ถือว่าถูกต้องแล้ว
เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่ ‘หย่อนบัตร’ แล้วเดินจากไป แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่การมีส่วนร่วม สงขลา เวลานี้บอกได้คำเดียว ‘หรอยจังฮู้’
<<<<<<>>>>>>>>
ซีเกมส์ครั้งที่33 การเมือง-กีฬา
กัมพูชา‘มาแน่’แต่‘มาน้อย’
SEA Games ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ หลังเป็นมาแล้วก่อนหน้านี้ 6ครั้ง จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม ที่จะถึงนี้หรืออีกราวๆ 4 เดือน ครั้งนี้จัดแข่งขันกัน50ชนิดกีฬา ใช้
3จังหวัดเป็นหลักคือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรีและสงขลา ส่วน เชียงใหม่ กับราชบุรี จัดแค่จังหวัดละ1 ชนิดกีฬาเท่านั้น
แน่นอนว่า งานใหญ่ระดับนี้ ปัญหาและอุปสรรคย่อมมีเป็นของธรรมดา อย่างพิธีเปิดการแข่งขัน 9 ธันวาคมเดิมจะใช้ ‘สนามหลวง’ แต่ต่อมาเกรงเรื่องความปลอดภัยก็ย้ายมาใช้ ‘ราชมังคลากีฬาสถาน’ แทน ที่เตรียมไว้แสงสีเสียงอลังการก็ปรับกันตามสถานที่ ยังพอมีเวลาและไม่ ‘เหลือบ่ากว่าแรง’ ผู้จัดงานทั้งหลายเป็นแน่
แต่ที่ดูจะ คิดกันหนัก คือระหว่างการแข่งขันนี่ซิ เพราะช่วงนั้น จะด้วยไฮซีซั่น หรือจะเพราะเป็นปลายปีที่ผู้คนต้องการปลดปล่อยลืมทุกข์ลืมโศก หรืออย่างไรไม่ทราบได้
เชื่อมั้ยว่า จะมีงานบันเทิงระดับยักษ์จัดไล่เรียงกันถึง 8 งาน แต่ละงานก็ ‘จัดหนัก’ ไม่น้อยหน้ากัน เลยทำเอาเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อสร้างความบันเทิง ‘ขาดตลาด’ จนผู้จัดงาน ต่างพากันเช่าของจากประเทศเพื่อนบ้าน ‘จ้าละหวั่น’ ในเวลานี้
เอาจริงๆนะ เรื่อง ‘เตรียมการ’ นั้นไม่เท่าไหร่ ขออย่างเดียวว่า ถ้าจะเปลี่ยนแปลงอะไรขอให้เป็นไปตามกติกา แค่นั้นพอ แต่ไอ้เรื่อง ‘เตรียมคน’ นี่ซิ เพราะทำไปทำมาปัญหาไทยกับกัมพูชาจะลามมาที่การกีฬา
เรื่อง ‘บอยคอต’ นั้นจบไปแล้ว เจ้าภาพทำไม่ได้เพราะต้องใช้เสียงจาก 11 ชาติตัดสินใจ หรือถ้าทำได้เจ้าบ้านที่ดีเขาก็ไม่ทำกัน ‘แข่งขัน’ กันตาม ‘กติกาสากล’ แฟร์จะตายไป
แต่เหตุไฉนยังไงไม่ทราบได้ ล่าสุดกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้ายืนยันว่า จะส่งกองทัพนักกีฬา 1500 ชีวิตมาแน่ แต่ไปๆมาๆ เวลานี้เห็นว่าส่งมาแค่ 57คนเท่านั้น ท่ามกลางข้อเรียกร้องว่า อยากให้แยก ‘กีฬาออกจากการเมือง’
ยังไม่รู้ชนิดกีฬาที่กัมพูชาจะร่วมแข่ง แต่เห็นว่าประเภท ‘มวยสากล’ นั้นมี 17 รุ่น ส่วนแข่งยิง ‘หนังสติ๊ก’ ทั้งแบบ ‘เป้าบิน-เป้านิ่ง’ นั้นไม่มีแม้กระทั่งในกีฬาสาธิตซะด้วยซ้ำ
แน่นอน ‘กีฬา’ สะท้อนคุณภาพของคนในชาติได้ระดับหนึ่ง ‘แพ้-ชนะ-อภัย’ คือหัวใจของกีฬา จะมาน้อยมามากไม่ว่า แต่ขอให้ ‘มาเถอะ’ ทุกวันนี้ส่องใน เฟซบุ๊ก ‘ลุงวุ้นเส้น’ ยังเล่นกีฬา ‘ตีกอล์ฟ’ อยู่เลยนิ
ลืมบอกเกร็ดประวัติศาสตร์ไปนิดนึงว่า ในวันที่ 19 ธันวาคม ก่อนพิธีปิดซีเกมส์นั้น เป็นวันที่ไทยกับกัมพูชาเริ่มต้นสถาปนาความสัมพันธ์หลังจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ‘จากไป’ ในพ.ศ. 2493
นับถึงวันนี้ก็ 75 ปีเข้าไปแล้ว จะไปต่อหรือจะ ‘พอ’ แค่นี้!!!
